“โควิด” ยังเป็นฝันร้ายข้ามปีของธุรกิจประกันภัย แบบ “เจอ จ่าย จบ” เพราะในปี 2564 พบว่ามี 16 บริษัท ขายประกันภัยโควิดรวม 14.8 ล้านกรมธรรม์ มูลค่าเบี้ยประกัน 10,562 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นแบบเจอ จ่าย จบ 7,455 ล้านบาท แต่ยอดเคลมถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2564 คาดสูงถึง 40,000 ล้านบาท
ปี 2565 ยังต้องเจอศึกหนัก “โอมิครอน” ระบาดอีก ประเมินว่าเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จะมีผู้ติดเชื้อใหม่หลัก “หมื่นราย” ต่อวัน
สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2563 สมาคมประกันวินาศภัยไทย รายงานว่ามีผู้ซื้อประกันภัยโควิด-19 ประมาณ 9 ล้านกรมธรรม์ สรุปทั้งปี 2563 มีผู้ติดเชื้อโควิดราว 6,884 คน
มาช่วงต้นปี 2564 โควิดเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้ง มีคนสนใจซื้อประกันภัยโควิดจำนวนมาก ไตรมาส 1 ประมาณ 1.8 ล้านกรมธรรม์ และไตรมาส 2 ประมาณ 13 ล้านกรมธรรม์ รวม 14.8 ล้านกรมธรรม์ เมื่อเห็นแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทุกบริษัทประกันภัย “หยุดขาย” ประกันโควิด แบบเจอ จ่าย จบ ในเดือนมิถุนายน 2564
ช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิดหลักหมื่นรายต่อวัน ทำให้ยอดเคลมประกันโควิดแบบเจอ จ่าย จบ สูงขึ้นตามไปด้วย สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดตัวเลขเคลมประกันถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2564 จะสูงถึง 40,000 ล้านบาท
โควิด ‘เจอจ่ายจบ’ ทำเจ๊ง
ยอดเคลมประกันโควิดแบบเจอ จ่าย จบ ที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อหลักหมื่นรายในไตรมาส 3 ทำให้บริษัทประกัยภัยที่ขายประกันออกไปจำนวนมากขาดสภาพคล่อง เริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เมื่อ “สินมั่นคงประกันภัย” แจ้งขอยกเลิกกรมธรรม์โควิด แต่ในที่สุด คปภ.หน่วยงานกำกับดูแล ออกคำสั่งห้ามบริษัทประกันภัยยกเลิกประกันโควิด
ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ได้มีคำสั่ง “เพิกถอนใบอนุญาต” ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทแรก หลังพบว่ามีฐานะการเงินไม่มั่นคง มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน สภาพคล่องไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จากยอดเคลมประกันโควิดเจอ จ่าย จบ ที่มีผู้เอาประกันจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 บริษัท เดอะวันประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นรายที่สอง โดนคำสั่ง “เพิกถอนใบอนุญาต” หลังจากพบว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเคลมประกันโควิดเจอ จ่าย จบ รวมกว่า 2,435 ล้านบาท
บทสรุปสิ้นปี 2564 มี 2 บริษัทประกันภัย “ปิดกิจการ” จากการขายประกันโควิด เจอ จ่าย จบ และมีอีก 4-5 บริษัทต้องเพิ่มสภาพคล่อง
‘เจอจ่ายจบ’ พ่นพิษ ประกันภัยขาดทุนอ่วม
ส่วนบริษัทประกันภัยที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ก็ต้องเจอกับตัวเลขขาดทุนหนัก ตัวอย่าง “สินมั่นคงประกันภัย” รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2564 “ขาดทุน” 3,662 ล้านบาท หรือ ลดลง 2,386% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าสินไหมทดแทนในไตรมาส 3 ปี 2564 เท่ากับ 6,815 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,265 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 339% หลักๆ มาจากค่าสินไหมโควิดเจอ จ่าย จบ รวม 6,002 ล้านบาท
สรุปงบการเงิน 3 ไตรมาสแรก ปี 2564 สินมั่นคงประกันภัย ขาดทุนสูงถึง 3,845 ล้านบาท จากเดิมที่ทำกำไรมาตลอด
ประเมินกันว่าปี 2564 ภาพรวมธุรกิจประกันภัยต้องเจอกับตัวเลขขาดทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท หลังจากปี 2563 ทำกำไรรวม 12,370 ล้านบาท
ผวา ‘โอมิครอน’ ประกันจุกอีก คาดติดเชื้อใหม่หลักหมื่นต่อวัน
จากจำนวนผู้ซื้อประกันโควิดในปี 2564 รวม 14.8 ล้านกรมธรรม์ ตัวเลขถึงสิ้นปี 2564 ยังมีประกันรอเคลมอีก 7-8 ล้านกรมธรรม์
ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงกระทบธุรกิจประกันภัยระลอกใหม่ หลังจากไตรมาส 4 ปี 2564 ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงมาต่อเนื่อง
กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ว่าหลังปีใหม่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดจะเพิ่มขึ้นแน่นอน ระดับสูงสุดจะอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2565 กรณีดีที่สุดจำนวนผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่หลัก 10,000 รายต่อวัน หากเป็นกรณีแย่สุดผู้ติดเชื้อสูงถึง 30,000 รายต่อวัน
บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ได้ออกบทวิเคราะห์ประมาณการค่าสินไหมทดแทน กรณีเกิดการระบาดโควิดโอมิครอน อาจสูงถึง 110,000 – 180,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากประกันภัยโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ เป็นหลัก
หากดูจากการประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดระลอกใหม่ที่หลักหมื่นรายต่อวันในช่วงไตรมาสแรก ปี 2565 ขณะที่ยังมีกรมธรรม์โควิดรอเคลมอีก 7-8 ล้านฉบับ ซึ่งยังคุ้มครองไปถึงเดือนมิถุยายน 2565 นี่จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทประกันภัยเสี่ยงขาดสภาพคล่องและถูกเพิกถอนใบอนุญาต “ปิดกิจการ” เพิ่มขึ้นอีกในปี 2565