มีหลายประเทศที่ทราบดีว่าบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ทนต่อความเย้ายวนของภาษีที่จะได้จากธุรกิจสีเทานี้ไม่ไหว จนต้องเปิดให้จำหน่ายกันเรื่อยมา แต่ไม่ใช่สำหรับ “นิวซีแลนด์” ที่มีการตั้งเป้าหมายของประเทศเอาไว้ว่า นิวซีแลนด์จะเป็นประเทศที่ปลอดบุหรี่ (Smoke-free) ภายในปี 2025 (มีคนสูบบุหรี่ในประเทศไม่เกิน 5% ของประชากรทั้งหมด)
จากเป้าหมายของประเทศที่ได้ประกาศมา นิวซีแลนด์กำลังจะออกกฎหมายที่กำหนดว่า ห้ามขายบุหรี่ให้ใครก็ตามที่เกิดหลังปี 2008 (อายุต่ำกว่า 14 ปี) โดยคาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2022 นอกจากนั้น จะลดจำนวนร้านที่ได้รับอนุญาตให้ขายบุหรี่ลงอย่างต่อเนื่องด้วย
เป้าหมายของการเป็นประเทศปลอดบุหรี่เริ่มต้นขึ้นในปี 2011 และทางนิวซีแลนด์มีแผนลดการสูบบุหรี่ของประชากรในประเทศเรื่อยมา โดยล่าสุด ตัวเลขผู้สูบบุหรี่ของนิวซีแลนด์อยู่ที่ประมาณ 13% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งประเทศ (ลดลงจาก 18% เมื่อ 10 ปีก่อน) แต่จะมีกลุ่มที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้างก็คือกลุ่มชาวเมารีที่อัตราการสูบบุหรี่ยังอยู่ที่ 31% ซึ่งเหนือกว่าค่ามาตรฐาน
ส่วนธุรกิจบุหรี่ในนิวซีแลนด์ตอนนี้ ต้องอยู่ในแพกเกจสีพื้น ๆ ห้ามพิมพ์ลวดลายหรือแบรนด์ให้เป็นที่ต้องตาต้องใจ และในอนาคตจะต้องลดสารคาเฟอีนลงด้วย
ดร.Ayesha Verrall ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของนิวซีแลนด์บอกว่า นี่เป็นวันประวัติศาสตร์ด้านสุขภาพของชาวนิวซีแลนด์ เพราะนโยบายที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลมั่นใจได้ว่า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 14 ปีนับจากวันที่กฎหมายบังคับใช้จะไม่สามารถซื้อบุหรี่ได้อีก
ทั้งนี้ ข้อมูลของนิวซีแลนด์พบว่า ในบรรดาผู้ป่วยมะเร็งของนิวซีแลนด์ที่มีราว 5 ล้านคนนั้น หนึ่งใน 4 ของผู้ป่วยมีที่มาจากการสูบบุหรี่ จึงเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยลดการเสียชีวิตของประชาชนจากโรคมะเร็งลงได้
Robert Beaglehole ผู้ก่อตั้งกลุ่มรณรงค์เลิกสูบบุหรี่เผยว่า นโยบายดังกล่าวจะทำให้นิวซีแลนด์เป็นผู้นำโลกในการลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ อิจฉาได้ เนื่องจากประเทศเหล่านั้นไม่สามารถลดการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ได้เหมือนนิวซีแลนด์
ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า บุหรี่ถือเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งที่โลกเคยเผชิญมา โดยพบว่าการสูบบุหรี่ (รวมถึงบุหรี่มือสอง) คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 8 ล้านคนต่อปี