สถานการณ์ธุรกิจ “ศูนย์การค้า” ในปี 2564 ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวกลับมาดีนัก ขณะที่พฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่หันมาช้อปออนไลน์มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว มองหากลยุทธ์ กิจกรรม หรือการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมการให้บริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เมื่อเข้ามาเลือกซื้อสินค้าให้มากที่สุด
เช่นเดียวกับการขยับตัวล่าสุดของ “สยามพิวรรธน์” เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยามและสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ที่โดดเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการจับมือ “ZIPMEX” ให้ลูกค้าใช้ Zipmex Token แลกซื้อสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์ม ZipWorld ของ ZIPMEX ได้เป็นคนแรกเพื่อเข้าถึงคอลเล็กชั่นเอ็กซ์คลูซีฟจากโลกออฟไลน์ก่อนใคร
จับเทรนด์ “โทเคนดิจิทัล” มาแรง เจาะกำลังซื้อนักช้อปรุ่นใหม่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การลงทุน “สินทรัพย์ดิจิทัล” ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) จากเดิมที่ได้รับความนิยมอยู่ในวงแคบๆ ในกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ หรือนักลงทุนสายเก็งกำไรเท่านั้น แต่วันนี้จะเห็นนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสนใจอย่างมาก ขณะที่เมื่อพูดถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ไม่ได้มีแค่คริปโตฯ โดยหนึ่งในช่องทางที่มาแรงไม่แพ้กันก็คือ “โทเคนดิจิทัล” (Digital Token)
โทเคนดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกแบบมาสำหรับการใช้ประโยชน์ (Utility Token) โดยผู้ถือโทเคนประเภทนี้จะได้รับสิทธิ์ในการใช้สินค้าและบริการ เปรียบเสมือนการมีคูปองหรือแต้มคะแนนเอาไว้ไปใช้เป็นส่วนลดหรือแลกสินค้าบริการต่างๆ ตามที่กำหนด ซึ่งในปัจจุบันมีหลายธุรกิจเริ่มออก Utility Token เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าบริการมากขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือ สยามพิวรรธน์
โดยเหตุผลสำคัญ คุณสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารสมาชิก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บอกว่า เนื่องจากโจทย์สำคัญของการพัฒนาศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์คือ การนำเสนอคอนเซ็ปท์ไลฟ์สไตล์แปลกใหม่ หรือ The Icon of Innovative Lifestyle เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างตรงใจและสนุกกับการใช้ชีวิตในห้างทั้งออฟไลน์ออนไลน์มากขึ้น ทั้งยังเห็นว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเติบโตสูงและได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้าสำคัญในอนาคต
จึงเป็นที่มาของการพัฒนาธุรกิจร่วมกับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด หรือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทย ในรูปแบบ Collaborate to Innovate โดยดึงเอาจุดแข็งของสยามพิวรรธน์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เหนือระดับให้กับลูกค้า หรือที่เรียกว่า Money Can’t Buy
หลักการคือ ZipWorld จะเป็นเหมือนแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกสินค้าและบริการเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ โดยลูกค้าเมื่อลูกค้าเข้ามาเลือกสินค้าบริการที่ต้องการ จะต้องใช้ Zipmex Token ในการแลกซื้อเท่านั้น จากนั้นก็ยืนยันการแลกซื้อ และนั่งรอรับสินค้าอยู่ที่บ้าน
สำหรับเป้าหมายของการนำเอาโทเคนดิจิทัลมาใช้แลกซื้อสินค้าเอ็กซ์คลูชีฟในครั้งนี้ คุณสรัลธร ให้เหตุผลว่า จะช่วยทำให้สยามพิวรรธน์สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงนักลงทุนในโลกดิจิทัล หรือ Trad Online ที่มีกำลังซื้อมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นคนรุ่นใหม่และนักลงทุน ทั้งยังทำให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งจะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็น The Icon of Innovative Lifestyle ที่มีความชัดเจนมากขึ้นด้วย
ต่อยอดประสบการณ์ใหม่ด้วย NFT
ขณะที่ คุณพราว ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (ZIPMEX) บอกว่า โทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งตั้งแต่เปิดตัว Zipmex Token มีการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เชื่อว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และผลักดันให้เกิดการใช้ Utility Token มากขึ้น รวมถึงทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่มไลฟ์สไตล์ให้กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน
“จุดเด่นที่ทำให้ ZIPMEX แตกต่างคือ การสร้างประสบการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการแลกเปลี่ยนสินค้าบริการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้บริษัทมุ่งพัฒนาระบบให้ดีขึ้น และเตรียมต่อยอดนำเทคโนโลยี NFT (Non-Fungible Tokens) มาพัฒนาบนแพลตฟอร์มในอนาคตต่อไป”