HomeSponsoredเทรนด์ตู้รีฟีลมาแรง! “ไอ.พี.วัน” เปิดตัว Hygiene Refill Station ตู้รีฟีลน้ำยาปรับผ้านุ่ม พลิกโฉมวงการ FMCG

เทรนด์ตู้รีฟีลมาแรง! “ไอ.พี.วัน” เปิดตัว Hygiene Refill Station ตู้รีฟีลน้ำยาปรับผ้านุ่ม พลิกโฉมวงการ FMCG

แชร์ :

“ความยั่งยืนทางธุรกิจ” (Business Sustainability) จะเกิดขึ้นได้จริงนั้น ไม่ใช่วัดกันแค่ตัวเลขผลประกอบการ แต่หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ อยู่ที่ Purpose-driven” ประกอบด้วย 3 เสาหลักคือ Profit, People, Planet หรือหลัก 3Ps เป้าประสงค์ทั้ง 3 เสานี้ ต้องอยู่ใน Mindset และทุกกระบวนการธุรกิจขององค์กร ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า องค์กร หรือแบรนด์นั้นๆ ทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบทั้งต่อผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ผู้บริโภค สังคม – ชุมชน และสิ่งแวดล้อมหรือไม่

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

หนึ่งในแกนหลักของ Purpose-driven อย่าง “Planet” คือ ด้านสิ่งแวดล้อม เป็นที่ทราบกันดีว่าทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับ “ปัญหาขยะพลาสติก”

รู้หรือไม่ว่า…ปัจจุบันเราทุกคนผลิตขยะพลาสติกมากน้อยเพียงใด และโลกกำลังเผชิญกับปัญหาปริมาณขยะพลาสติกล้นหนักหนาสาหัสอย่างไร ? (ข้อมูลจาก UN Environment Programme : UNEP )  

– ในทุกๆ 1 นาที จะมีการซื้อขวดน้ำดื่มพลาสติก 1 ล้านขวด

– มีการใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-use Plastic) 5 ล้านล้านใบทั่วโลกต่อปี

– ทุกวันนี้ ทั่วโลกมีการผลิตขยะพลาสติกมากกว่า 300 ล้านตันต่อปี

– ปริมาณขยะพลาสติกทั้งหมด มีเพียง 9% เท่านั้นที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ในขณะที่อีก 12% ถูกกำจัดด้วยการเผา และมากถึง 79% ถูกทิ้งในหลุมฝังกลบ กองขยะ หรือตามแหล่งธรรมชาติ

– มีขยะพลาสติกกว่า 8 ล้านตัน ถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทรทุกปี สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในทะเล

– หากยังคงปล่อยให้เกิดวิกฤตขยะพลาสติกเช่นนี้ต่อไป คาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ในมหาสมุทรอาจมีขยะพลาสติก มากกว่าจำนวนปลาที่มีอยู่!

เพราะตระหนักในปัญหาขยะพลาสติกที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้บริษัท ไอ.พี.วัน จำกัด” (I.P. One) หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย ได้นำแนวคิด Circular Economy” หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่มุ่งลดการใช้ทรัพยากร และลดปริมาณขยะ ทั้งจากการผลิต และการใช้ในครัวเรือน มาปรับใช้ตลอดทั้งซัพพลายเชนธุรกิจ ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าสู่มือผู้บริโภค

โดยล่าสุดได้เปิดตัว Hygiene Refill Station” หรือ “ตู้เติมผลิตภัณฑ์ไฮยีน” อย่างเป็นทางการ และถือเป็นครั้งแรกสำหรับเชนค้าปลีกชั้นนำอย่าง “บิ๊กซี”

I.P. One คือใคร?

เมื่อเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำวิกซอล (Vixol) ผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าไฮยีน (Hygiene) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นผิววิซ (Whiz) ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลแดนซ์ (Dance) – โฟกัส (Focus) และเครื่องดื่มไอวี่ (Ivy) เชื่อว่าผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่รู้จัก และเป็นของกินของใช้อยู่คู่ครัวเรือนไทย

สินค้าอุปโภคบริโภคเหล่านี้ (Fast Moving Consumer Goods : FMCG) เป็นแบรนด์ไทย ที่มีคุณภาพโกอินเตอร์ระดับโลก

ถือกำเนิดโดย “คุณอุทัย ธเนศวรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอ.พี.วัน จำกัด คุณสิรินารถ ธเนศวรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงาน Corporate Services และคุณชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร” มีแรงบันดาลใจ และความมุ่งมั่นต้องการพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคของคนไทย ที่มีนวัตกรรม และคุณภาพดี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น

เกือบ 50 ปีของการดำเนินธุรกิจ สินค้าต่างๆ ภายใต้ Brand Portfolio ของไอ.พี.วัน สามารถครองใจผู้บริโภคไทยมายาวนาน หนึ่งในนั้นคือ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าไฮยีน (Hygiene) เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อปี 2527 ถึงปัจจุบันมี Product Portfolio การดูแลและถนอมผ้าครบวงจร โดยแต่ละกลุ่มสินค้าของไฮยีน สามารถก้าวขึ้นมายืนแถวหน้า การันตีด้วยรางวัลแบรนด์อันดับ 1 ที่คนไทยเลือกซื้อมากที่สุด 3 ปีซ้อน จาก Kantar, Brand Footprint 2021 – Thailand โดยจุดแข็งที่ทำให้ชนะใจผู้บริโภค คือ การพัฒนานวัตกรรม ทั้งด้านความหอม และด้าน Functional Value ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

นอกจากมีฐานแข็งแกร่งในประเทศไทยแล้ว “ไอ.พี.วัน” ได้ขยายไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง จีน บังกลาเทศ ออสเตรเลีย มัลดีฟส์ และเนเธอร์แลนด์ เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของบริษัท FMCG ไทย ที่สามารถก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากลในตลาดโลกได้สำเร็จ

“ไฮยีน” จากแบรนด์น้ำยาปรับผ้านุ่มรายแรกๆที่ใช้วัตถุดิบที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สู่การเปิดตัว “ตู้ Refill Station”

ในขณะที่เวลานี้ ทิศทางธุรกิจเริ่มขยับมาโฟกัสด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่สำหรับ “ไอ.พี.วัน” มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการสร้างองค์กรที่มีความยั่งยืน และดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมายาวนานกว่า 32 ปี จนถึงทุกวันนี้

เริ่มต้นด้วยแบรนด์ “ไฮยีน” ถือเป็นแบรนด์น้ำยาปรับผ้านุ่มรายแรกในเอเชีย ที่ใช้นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ทำจากวัตถุดิบย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หรือไบโอดีเกรดเดเบิล (Biodegradable) มาตั้งแต่ปี 2532

จากวิสัยทัศน์ความรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมนี่เอง “ไอ.พี.วัน” ไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คนและโลกที่ดีขึ้น ในปี 2563 ได้ริเริ่มโปรเจค “Hygiene So in Green” ด้วยการเปิดตัว “Hygiene Refill Station” เป็นตู้เติมผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไฮยีน ทดลองติดตั้งตู้ที่โรงงานของไอ.พี.วัน ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งจากพนักงาน และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบโรงงาน มาใช้บริการตู้เติมน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้เป็นจำนวนมาก

หลังจากทดลองตลาด ก็เล็งเห็นว่านับวันผู้บริโภคไทย จะยิ่งตระหนักกับด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้บริโภคนำมาใช้พิจารณาตัดสินใจเลือกแบรนด์ และสินค้า สะท้อนได้จาก Data Insight ที่ไอ.พี.วันเก็บข้อมูลจาก “I.P. Life Lab” เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมปัญหาของคนไทย มาพัฒนาเป็นนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสังคมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย พบว่า  50% ของผู้เข้าร่วมโหวตให้ความสำคัญ และมีความกังวลใจในเรื่องขยะมากขึ้น เนื่องจากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของขยะพลาสติกที่กระจายตัวออกสู่ธรรมชาติ ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งมลภาวะทางอากาศ ทางน้ำและทางบก และปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาค

จึงเป็นที่มาของการต่อยอดความสำเร็จจากการทดลองทำตู้ “Hygiene Refill Station” ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งจับมือกับ “บิ๊กซี” ติดตั้งตู้ Refill Station นำร่องบิ๊กซี สาขาเมกาบางนา โซนผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า ช่องหมายเลข 11

จุดประสงค์หลักของการนำเสนอนวัตกรรม “Hygiene Refill Station” แก่ผู้บริโภค คือ

  1. ตอกย้ำวิสัยทัศน์ และ Corporate Purpose ขององค์กรที่มุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

2. เพื่อกระตุ้นให้ทั้งอุตสาหกรรม FMCG และผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

3. หวังสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ให้คุ้นชินกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) และลดการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง (Single Use)

อย่างการเติมน้ำยาปรับผ้านุ่มตู้ Hygiene Refill Station ขนาดเริ่มต้นที่ 480 มิลลิลิตร สามารถช่วยลดการใช้พลาสติกได้ถึง 24 กรัม และสูงสุดในขนาด 2,500 มิลลิลิตร จะสามารถลดการใช้พลาสติกในครัวเรือนได้มากถึง 125 กรัม

นั่นหมายความว่าหากไอ.พี.วัน สามารถสร้าง Social Impact นี้ได้สำเร็จ เท่ากับว่าทั้งผู้บริโภค และแบรนด์ไฮยีนจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดขยะพลาสติกได้เป็นจำนวนมากในอนาคต

คุณสิรินารถ ธเนศวรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงาน Corporate Services ได้ทำการทดลองใช้ตู้ “Hygiene Refill Station”

5 ขั้นตอนใช้ตู้ “Hygiene Refill Station” ง่าย – สะดวก – ประหยัด – รักษ์โลก

แม้ตู้ Refill สินค้าอุปโภคภายในบ้านจะยังเป็นสิ่งใหม่ในไทย แต่ไอ.พี.วัน ได้ออกแบบตู้ Hygiene Refill Station” ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สะดวก และคุ้มค่าคุ้มราคา ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าตังค์ผู้บริโภค ด้วย 5 ขั้นตอนง่ายๆ

  1. เตรียมบรรจุภัณฑ์มาจากที่บ้าน โดยมีขนาดที่สามารถรองรับกับปริมาณที่ต้องการเติม
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ – เลือกกลิ่น ผ่านหน้าจอสัมผัส หากไม่เคยใช้ จะมีตัวทดลองเป็นเจลแอลกอฮอล์กลิ่นนั้นๆ ให้ลอง
  3. เลือกขนาดที่ต้องการเติม

– 480 มิลลิลิตร ราคา 40 บาท

– 1,250 มิลลิลิตร ราคา 100 บาท

– 2,000 มิลลิลิตร ราคา 150 บาท

– 2,500 มิลลิลิตร ราคา 180 บาท

  1. ชำระเงิน ด้วยเงินสด หรือ QR Code
  2. นำภาชนะวาง แล้วกดปุ่มเติมผลิตภัณฑ์

เพียงเท่านี้ก็ถือว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อยในการซื้อของเข้าบ้านสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการลดการใช้พลาสติก เพื่อโลกที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ในที่สุด


แชร์ :

You may also like