จากสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 และเติบโตในธุรกิจเกมออนไลน์ – อีคอมเมิร์ซ มาวันนี้ ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ Sea ก็ยังพุ่งไม่หยุด โดยทำรายได้ไปถึง 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นการเติบโต 159% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และส่งผลให้ Forrest Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Sea ก้าวขึ้นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในสิงคโปร์ไปแล้วเรียบร้อย โดยเขาถือครองทรัพย์สินมากกว่า 19,800 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ความร่ำรวยที่พุ่งทะยานของ Li มาจากมูลค่าหุ้น Sea ที่ในปีนี้เติบโตถึง 67% ไม่เพียงเท่านั้น กำไรสุทธิของ Sea ในไตรมาสนี้ก็มากถึง 931 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 364% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนการีนา (Garena) บริษัทเกมของ Sea ทำรายได้ไป 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 65% เช่นเดียวกับช้อปปี้ (Shopee) ที่มียอดออเดอร์ทุบสถิติ 1.4 พันล้านออเดอร์ เติบโตขึ้น 127% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเช่นกัน
อีกหนึ่งธุรกิจของ Sea คือบริการทางการเงิน SeaMoney ที่พบว่ามีการเติบโตด้านการใช้งาน Mobile Wallet คิดเป็นมูลค่าการทำธุรกรรมสูงถึง 4,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 150% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งผู้บริหาร Sea เผยว่าเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน
มหาเศรษฐีจาก Tech Company
สำหรับ Forrest Li อาจกล่าวได้ว่า เขาเป็นตัวอย่างแรก ๆ ของบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศที่เติบโตมาจาก Tech Company โดยก่อนหน้านี้ก็มีชื่ออย่าง Brian Kim ผู้ก่อตั้ง Kakao Corp บริการรับส่งข้อความสัญชาติเกาหลีที่กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในเกาหลีใต้เช่นกัน เพียงแต่ก้าวต่อไปของ Forrest Li คือการพา Sea เข้าสู่ฟินเทค ไม่ว่าจะเป็นการขอไลเซนต์ดิจิทัลแบงกิ้งในสิงคโปร์ไปแล้วเรียบร้อย หรือการควบกิจการธนาคาร PT Bank Kesejahteraan Ekonomi หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bank BKE ในอินโดนีเซียไปเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการขยายธุรกิจของ SeaMoney ไปสู่บริการด้านสินเชื่อ ประกันภัย การบริหารความมั่งคั่ง และบริการทางการเงินอื่น ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น Sea ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในเกม Free Fire ที่มียอดดาวน์โหลดทะลุ 1 พันล้านครั้งบน Google Play และมีผู้เล่นแบบแอคทีฟมากถึง 150 ล้านคนต่อวันในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ Shopee ก็มียอดดาวน์โหลดในหมวดช้อปปิ้งแอปมากเป็นอันดับ 2 ของโลกทั้งบน Android และ iOS (อ้างอิงจาก App Annie)
ส่วนผู้ร่วมก่อตั้ง Sea อีกสองคนอย่าง Gang Ye และ David Chen ก็ร่ำรวยไม่แพ้กัน โดยปัจจุบัน Gang Ye อยู่ในตำแหน่ง COO (Chief Operating Officer) ของ Sea และมีสินทรัพย์ 10,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน David Chen เป็น Chief Product Officer ของ Shopee และถือครองสินทรัพย์ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเดือนมีนาคม Sea ยังได้มอบทุน 550 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ให้กับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์เพื่อการวิจัย AI และ Machine Learning ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น Sea ยังเข้าไปขยายธุรกิจในละตินอเมริกาผ่านช้อปปี้ และเติบโตอย่างมากด้วย (มียอดดาวน์โหลดอันดับหนึ่งในบราซิล) ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Bloomberg ให้ความเห็นว่า เป็นการขยายตลาดที่น่าสนใจ เพราะถึงแม้ Covid-19 จะจบลง แต่ผู้คนจะไม่ยอมละทิ้งความสะดวกสบายที่แพลตฟอร์มออนไลน์มอบให้ในช่วง Pandemic แล้วกลับสู่วิถีชีวิตเดิม ๆ อย่างแน่นอน