HomePR Newsหัวเว่ยเผยเทรนด์ 5G ในไทย สร้างอีโคซิสเต็มยกระดับภาคอุตสาหกรรม [PR]

หัวเว่ยเผยเทรนด์ 5G ในไทย สร้างอีโคซิสเต็มยกระดับภาคอุตสาหกรรม [PR]

แชร์ :

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง Ecosystem ของ 5G จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และบริการใหม่ ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ 5G ยังช่วยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 ได้ดีขึ้น จากการประยุกต์ใช้แอปพลิเคชันและบริการรูปแบบใหม่ซึ่งเกิดจากเครือข่ายความเร็วสูงแห่งอนาคต

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยี 5G โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน การมาถึงของ 5G Ecosystem จะช่วยพัฒนาทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานทั่วไป รวมทั้งยกระดับสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งภารกิจของหัวเว่ย ประเทศไทย คือการเติบโตพร้อมไปกับประเทศไทย เรามุ่งมั่นสนับสนุนการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้พัฒนาธุรกิจต่างๆ เพราะเป็นกุญแจสำคัญต่อการฟื้นฟูและสร้างการเติบโตทั้งต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตผล ลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้น เราจำเป็นต้องสร้างอีโคซิสเต็มเพื่อรองรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โดยเทคโนโลยี 5G จะไม่เพียงช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานทั่วไป แต่จะช่วยยกระดับสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย ซึ่งประเทศไทยนับว่ามีความก้าวหน้าอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของอาเซียนที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้แล้ว”

ด้านคุณวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าองค์ประกอบของ 5G อีโคซิสเต็มประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่

คุณวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

  • นวัตกรรมในภาคธุรกิจ (Business Mode Innovation) การเกิดรูปแบบการบริการใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะไม่จำกัดเพียงการให้บริการด้านความเร็วบนอุปกรณ์มือถือ โดยนอกจากการให้บริการระหว่างธุรกิจองค์กรกับผู้บริโภค (Business-to-Consumer) 5G จะทำให้เกิดการใช้งานระหว่างธุรกิจองค์กรด้วยกัน (Business-to-Business)
  • พาร์ทเนอร์ในอีโคซิสเต็ม (Local ecosystem integration) การจะสร้างเครือข่ายสำหรับทุกภาคอุตสาหกรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์จากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ให้บริการเครือข่ายผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแบบแนวดิ่ง ผู้ให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างหัวเว่ย และผู้จัดทำโซลูชันในประเทศ เป็นต้น
  • 5G ที่ใช้งานได้จริง (Real Use Cases) 5G ในปี 2020 จะเป็นเรื่องที่จับต้องได้ มีเครือข่ายที่สามารถใช้งานได้จริง โดยเทคโนโลยี 5G จะไม่ได้เป็นแค่การทดสอบในห้องแลปหรือกรณีศึกษาแบบในปีที่ผ่านมา แต่จะเป็นการนำไปประยุกต์ใช้จริง
  • ประสบการณ์และความสำเร็จจากทั่วโลก (Global Best Practices) เนื่องจากหัวเว่ยทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์และพาร์ทเนอร์ชั้นนำทั่วโลก จึงทำให้เราสามารถนำประสบการณ์ที่หลากหลายและตัวอย่างความสำเร็จจากตลาดอื่นมาปรับใช้กับประเทศไทยได้

คุณอาเบลกล่าวเสริมว่า “5G จะช่วยยกระดับด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) ในขณะที่ AI จะช่วยยกระดับด้านความชาญฉลาด (Intelligence) เมื่อนำนวัตกรรมทั้งสองมาผสานกันจะทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ที่ไร้ขีดจำกัด (Infinite possibilities) โดยอีโคซิสเต็มจากเทคโนโลยี 5G จะทำให้ทุกภาคอุตสาหกรรมในอนาคต นำทั้งเทคโนโลยี Cloud, AI และ Big Data ไปประยุกต์ใช้ร่วมกับ 5G จนเกิดความ “อัจฉริยะ” ในทุกกระบวนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม การผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) อุตสาหกรรมสาธารณสุขอัจฉริยะ (Smart Healthcare) หรือแม้แต่ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้แก่องค์กรในประเทศไทย รวมถึงสร้างโอกาสการต่อยอดรายได้และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น”

คุณวรกานยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ จาก 5G สำหรับผู้บริโภค ได้แก่ การให้บริการในรูปแบบ Virtual Reality (VR), Augment Reality (AR), การเล่นเกมแบบ Cloud Gaming ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ, การถ่ายทอดสดออนไลน์ (Live-streaming) ด้วยความละเอียดระดับ 4K หรือผ่าน VR/AR เป็นต้น

สำหรับภาคธุรกิจองค์กร 5G จะเข้าไปมีบทบาทได้ทั้งในด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยสามารถพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ในสามเรื่องหลัก ได้แก่

  • การเพิ่มจำนวนผลผลิต
  • ลดจำนวนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีตำหนิ หรือไม่ได้มาตรฐาน
  • ลดต้นทุนให้แก่กระบวนการผลิตและการดำเนินการ

นอกจากนี้ 5G ยังจะช่วยยกระดับ Digital Society ของประเทศไทย ได้แก่ การต่อยอดมาตรฐานของภาคสาธารณสุข การสนับสนุนภาคการศึกษาออนไลน์ และการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ซึ่งจะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ พร้อมกันนี้ 5G ก็ยังมีบทบาทในการผลักดัน Digital Economy ของประเทศ ได้แก่ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคอีคอมเมิร์ซ และภาคการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจในประเทศไทยให้เดินหน้าต่อได้ภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่หลายประเทศหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจในขณะนี้

“ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญมากสำหรับประเทศไทย และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ได้ในช่วงเวลาของความท้าทายเช่นนี้ โดยรูปแบบการใช้งานแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อช่วยโปรโมทภาคการท่องเที่ยวของไทย และการประยุกต์ใช้ 5G เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคการท่องเที่ยวของไทย” คุณวรกานกล่าวเสริม

ใช้ 5G โปรโมทภาคการท่องเที่ยวของไทย

ตัวอย่างของการนำ 5G มาโปรโมทภาคการท่องเที่ยวก็คือการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติเพื่อชมการเกษตรแบบอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ใน 3 รูปแบบพร้อมกัน ได้แก่ ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตทางด้านการเกษตรที่ดีขึ้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม Smart Farm และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรจากการเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น

เทคโนโลยี 5G ยังสามารถนำมาเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้โดยผ่านมัลติมีเดียใหม่ เพื่อสร้าง Immersive Experience สร้างคอนเทนท์โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหารต่างๆ ในรูปแบบ VR/AR ร่วมกับยูทูบเบอร์ชื่อดังและผู้ผลิตคอนเทนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างประสบการณ์ Unseen Thailand ใหม่ๆ และการท่องเที่ยวที่แตกต่างให้แก่นักท่องเที่ยว เสริมการใช้ชีวิตวิถีใหม่ และยังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกิดความต้องการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น

“อีกรูปแบบการใช้งานคือการนำเครือข่าย 5G มาปรับใช้ในโซลูชั่น Smart Airport เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นและช่วยให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งในไทยและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วขึ้น” นายวรกานกล่าวสรุป


แชร์ :

You may also like