ขอบคุณภาพจาก Nikkei Asian Review
ก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินข่าวของ NTT DoCoMo กับการนำโดรนมาใช้จัดส่งสินค้า หรืออาหารให้กับผู้สูงวัยในญี่ปุ่นที่อยู่ลึกเข้าไปในเกาะต่าง ๆ ซึ่งยากแก่การจัดส่งโดยพนักงานมนุษย์ แต่ล่าสุด ความซับซ้อนของ Aging Society ในญี่ปุ่นกำลังนำไปสู่อีกหนึ่งเทรนด์ธุรกิจนั่นก็คือ “ซูเปอร์มาร์เก็ตแบบเคลื่อนที่” หรือที่คนไทยอาจคุ้นเคยกันดีในชื่อ “รถพุ่มพวง” ที่เต็มไปด้วยสินค้ามากมายบรรจุอยู่ท้ายกระบะรถบรรทุกแล้วก็เป็นได้
โดยปัจจุบันมีบริษัทชื่อ Tokushimaru ในจังหวัดโทคุชิม่า บนเกาะชิโกกุ ได้ให้บริการรถซูเปอร์มาร์เก็ตเคลื่อนที่นี้ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ภายในรถบรรจุสินค้ากว่า 400 ชนิด (ประมาณ 1,500 ชิ้น) โดยเป็นสินค้ากลุ่มอาหาร และของใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทางบริษัทเผยว่าธุรกิจสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และบริษัทคาดว่าจะสามารถขยายการให้บริการรถดังกล่าวเป็น 500 คันภายในเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน
ส่วนลูกค้าคนสำคัญของซูเปอร์มาร์เก็ตเคลื่อนที่เหล่านี้หนีไม่พ้นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ตามชุมชนห่างไกล เนื่องจากผู้สูงอายุในญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งเริ่มไม่สามารถขับรถออกไปซื้อหาอาหารเองได้ ทำให้รถพุ่มพวงดังกล่าวกลายเป็นบริการที่ผู้สูงอายุรอคอย
ที่น่าสนใจก็คือ Tokushimaru ไม่ได้เติบโตแต่เพียงลำพัง หากแต่ยังดึงพาร์ทเนอร์ในท้องถิ่นให้เติบโตไปด้วยกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น การจับมือกับ Pantry Keisuke ซูเปอร์มาร์เก็ตขายอาหารในเมืองซึโนะ จังหวัดมิยาซากิมาร่วมให้บริการด้วยกัน หรือในเขตโมริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ ทาง Tokushimaru ก็ไปจับมือกับ Co-op Tohoku เพื่อจัดหาสินค้าและอาหารมาใส่ในรถบรรทุกเพื่อวิ่งไปหาผู้สูงวัยด้วย
โดยปัจจุบัน Tokushimaru มีการจับมือกับซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้าต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่นแล้วถึง 120 แบรนด์ ซึ่งซูเปอร์มาร์เก็ตเหล่านี้มีสาขากระจายทั่วญี่ปุ่นกว่า 1,700 แห่ง และความเข้มแข็งของพาร์ทเนอร์นี้ทำให้บริษัทตั้งเป้าว่าจะขยายรถพุ่มพวงออกไปให้ได้ราว 1,000 คันภายในปี 2022 รวมถึงหาพาร์ทเนอร์รายใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มธุรกิจด้วย
แต่ไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะยังมีอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้จากรถบรรทุกดังกล่าวเช่นกัน นั่นคือการใช้ตัวรถเป็นสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ โดยทางบริษัทมองว่า กลุ่มผู้สูงวัยในเขตชานเมืองนั้นเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยรับรู้ข่าวสารจากโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือสื่อโฆษณาออนไลน์มากนัก อีกทั้งผู้สูงวัยมีความรู้สึกที่ดีต่อรถขายสินค้าของพวกเขา สื่อโฆษณาดังกล่าวจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ในอนาคตได้นั่นเอง