HomeSponsoredเจาะกลยุทธ์ M-150 กว่าจะยืนหนึ่ง คว้า “แบรนด์ออฟเดอะเยียร์” 3 ปีซ้อน

เจาะกลยุทธ์ M-150 กว่าจะยืนหนึ่ง คว้า “แบรนด์ออฟเดอะเยียร์” 3 ปีซ้อน

แชร์ :

รางวัลอาจเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จให้กับแบรนด์  และสำหรับเครื่องดื่มให้พลังงานของไทย แบรนด์ “M-150” สามารถคว้ารางวัล “เวิลด์ แบรนด์ดิ้ง อวอร์ด 2019” (World Branding Award 2019) ประเภท “แบรนด์ออฟเดอะเยียร์” (Brand of The Year) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ถือเป็นความน่าสนใจอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น “M-150” เป็นแบรนด์เดียวในหมวดเครื่องดื่มให้พลังงาน จากไทยที่ผงาดได้รางวัลระดับโลกครั้งนี้ และมีนักการตลาด ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเข้ารับรางวัล ณ พระราชวังเค็นซิงตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การคิดกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อผลักดันให้แบรนด์ไทยได้รับการยอมรับ และเข้าตากรรมการในเวทีระดับโลก ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นข้ามคืน แต่ผ่านการกลั่นกรอง สกัดสุดยอดหมัดมวยการตลาด ฝ่าสมรภูมิการแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานของไทย ที่เต็มไปด้วย Brand ยักษ์ใหญ่ เงินทุนหนา พร้อมสู้ ที่สำคัญเอาชนะใจ “ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย” ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายในการตัดสินใจซื้อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง

สำหรับเครื่องดื่มให้พลังงาน “M-150” ยืนหยัดเป็นแบรนด์ยอดนิยมที่ผู้บริโภคชื่นชอบอย่างยาวนานในตลาด กลยุทธ์อะไรบ้าง ที่เป็นหมัดเด็ดทำให้แบรนด์รักษาบัลลังก์ และประสบความสำเร็จ BrandBuffet ชวนถอดรหัส

ถือเป็น “จุดแข็ง” ของแบรนด์ M-150 จริงๆ สำหรับกลยุทธ์ Idol Marketing ที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และมีการใช้ “พรีเซ็นเตอร์” ตอกย้ำภาพกลยุทธ์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ส่วนพรีเซ็นเตอร์ที่ถูกเลือกมาเป็นตัวแทน Idol ยังมาจากหลากหลายวงการ ทั้งศิลปิน กีฬา เช่น “ตูน บอดี้สแลม” ซึ่งไม่ใช่แค่ศิลปินเพลงร็อคแถวหน้าของเมืองไทย แต่กลายเป็น “ฮีโร่” ผู้สร้างปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม จากการวิ่งเพื่อระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลต่างๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั้งคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน เป็นต้น

ส่วน “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” นักชกขาวไทยที่มี “เลือดนักสู้” เต็มขั้น สู้ชีวิตจนได้ดีเป็นนักมวยระดับโลก สามารถ คว้าแชมป์โลก 2 สมัย ในรุ่นซุปเปอร์ ฟลายเวท จากสภามวยโลก การแข่งขันเกมกีฬาชกมวยมีแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อปราชัย “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” ยังฮึดฝึกซ้อม เพื่อเตรียมตัวไปชิงแชมป์โลก WBC สมัยที่ 3 ไฟต์บังคับที่สหรัฐอเมริกาในปี 2563 นับเป็นศึกดวลกำปั้นนัดยิ่งใหญ่แห่งปีที่แฟนมวยทั่วโลกรอคอย “ศรีสะเกษ” จึงเป็นตัวแทนที่ดีที่สุด ในการแสดงถึงพลังฮึดสู้ เพื่อส่งต่อถึงคนไทยทุกคน โดยไม่หวั่นแม้จะเจออุปสรรคให้ต้องฝ่าฟันไป สิ่งเหล่านี้ยังสะท้อนกลับมายังอัตลักษณ์ของแบรนด์ M-150 ด้วย

การได้ศิลปินและนักกีฬาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นการตอกย้ำการทำตลาดด้านกีฬา (Sport Marketing) ซึ่งแบรนด์ M-150 ให้ความสำคัญกับกีฬาหลากหลายประเภท เช่น กีฬาฟุตบอล มวย ฯ ถือเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทยทั่วประเทศ แบรนด์ได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันฟุตบอล M-150 แชมเปี้ยนชิพ หรือไทยลีก 2 และทีมชาติฟุตบอลไทย ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะเข้ารอบต่อไปของการคัดเลือกในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย เช่นเดียวกับการสนับสนุน กีฬามวยในเวทีต่างๆ ซึ่ง M-150 อยู่เบื้องหลังพลังฮึดสู้ให้กับนักกีฬามานานกว่า 2 ทศวรรษ รวมถึงค่ายมวยอย่าง นครหลวงโปรโมชั่น ที่มีนักมวยชั้นนำแนวหน้าของไทยและระดับโลกที่มีกำหนดจะส่งนักชกขึ้นชิงแชมป์โลกในเร็วๆ นี้ ทั้งศรีสะเกษ และนวพล นครหลวงโปรโมชั่น ซึ่งสร้างกระแสร้อนแรงให้กับวงการกีฬาฟุตบอลและมวยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ M-150 ไม่ได้สนับสนุนด้านกีฬาในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่ส่งพลังพานักกีฬาไทยไปผงาดบน เวทีโลกด้วย ยิ่งกว่านั้นเมื่อนักชกอย่าง “ศรีสะเกษ” ปรากฏกายต่อหน้าสายตาผู้ชมในสนามและผ่านการถ่ายทอดสด จะเห็นการสวมใส่เสื้อคลุม และกางเกงที่มีโลโก้ M-150 ช่วยสร้าง Brand Bonding  ให้กับแบรนด์ไทยเป็นที่รับรู้ (Awareness) และได้รับการยอมรับ (Established) ในระดับโลกมากขึ้นด้วย  ขณะที่รางวัล  “เวิลด์ แบรนด์ดิ้ง อวอร์ด 2019” ประเภท “แบรนด์ออฟเดอะเยียร์” ที่ M-150 คว้าและรักษาไว้อย่างเหนียวแน่นเป็นปีที่ 3 ช่วยการันตีว่าเวทีโลกยอมรับแบรนด์ เครื่องดื่มพลังงานสัญชาติไทยจริงๆ

นางสาว สุทิพา ปัญญามหาทรัพย์  Chief Marketing Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)  ย้ำความสำเร็จของ M-150 หลังจากได้รับรางวัล “เวิลด์ แบรนด์ดิ้ง อวอร์ด 2019” ประเภท “แบรนด์ออฟเดอะเยียร์”  สะท้อนถึงผู้บริโภคชาวไทย และทั่วโลกชื่นชอบและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์เอ็ม-150 อย่างต่อเนื่อง และบริษัทจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้แก่ผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง

“ปี 2562 เป็นปีแห่งความสำเร็จของ  M-150 โดยปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนแบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เพราะมีการดำเนินกลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสาน ทั้ง Idol Marketing , Sport Marketing รวมถึงโปรโมชั่นที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค”

เมื่อผลิตภัณฑ์เป็นหัวใจสำคัญ โอสถสภา ยังเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภคที่มีเซ็กเมนต์ไลฟ์สไตล์หลากหลายมากขึ้น โดยสินค้าไฮไลท์คือ เอ็ม-150 กระชายดำผสมน้ำผึ้ง เน้นฟังก์ชั่นนอลด้านความฟิตให้กับผู้บริโภค พร้อมดึง “ตูน บอดี้สแลม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ย้ำความฟิตสอดคล้องกับตำแหน่ง (Positioning) และสโลแกนของผลิตภัณฑ์ “ฟิตเกินวัย ใจเกินร้อย” เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า “ตูน” ในวัย 40 ปี แต่มีร่างกาย และหัวใจที่ฟิตพร้อมทำกิจกรรมต่างๆได้เกินร้อย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งในข่วงทดลอง ตลาดสินค้าได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างดี

ปัจจุบันดิจิทัล ทรงอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ย่อโลก Online เชื่อม Offline สู่ On-life บริบทดังกล่าว ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีทางเลือกในการเสพเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าและบริการมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ ความภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty) ลดน้อยถอยหลังมาก นักการตลาดต้องหากลยุทธ์เพื่อรักษา “ฐานลูกค้า” ให้อยู่กับแบรนด์อย่างยาวนาน

การทำโปรโมชั่นของ M-150 จึงปรับรูปแบบ จัดลอยัลตี้โปรแกรมผ่านแพลตฟอร์มแอ๊พพลิเคชั่น LINE สำหรับการสะสม “แต้มเอ็ม” ซึ่งถือเป็นการลบปัญหาเดิมในการส่งรหัสใต้ฝา ที่ต้องเก็บรักษาฝา ส่งฝาไม่ถึงบ้าง ฝาตกรุ่น เสียค่าส่ง เป็นต้น ส่วนแต้มยังอยู่ได้นานถึง 2 ปี แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ของรางวัลหรือ Premium ต่างที่แบรนด์มอบให้กับผู้บริโภค จะถูก Personalize ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น มีหมวดหมู่ (Category) ที่ต้อง Wow! เพราะมี ความหลากหลายและเพิ่มหมวดหมู่ใหม่ๆต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อตรึงให้ผู้บริโภคมีความภักดีต่อแบรนด์นั่นเอง แน่นอนว่าแต่ละครั้งที่แคมเปญถูกนำเสนอออกมา ส่งผลให้ผลตอบรับดีมาก เพราะการแลกของรางวัลหมดในระยะเวลา อันรวดเร็ว

สำหรับไฮไลต์ส่งท้ายปี แบรนด์จัดมหกรรมแจกทองระดับแชมป์ ทั้งนวมทองคำ เข็มขัดแชมป์ทองคำ ลูกฟุตบอลทองคำ มอเตอร์ไซค์สีทอง รถกระบะสีทอง ถ้วยแชมเปี้ยนทองคำ มากกว่า 1,000 รางวัล ถือเป็นการตอบโจทย์ความต้องการ ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองอย่างดี

นอกจากนี้ การสะสมแต้มเอ็มผ่าน LINE ยังช่วยเก็บฐานข้อมูล (Data) ของลูกค้า ถือเป็น Asset ที่มีมูลค่า เพราะทำให้แบรนด์เห็นพฤติกรรมความชอบ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเชิงลึก (Insight) มากขึ้น สามารถนำไปต่อยอด คิดหารางวัลที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ พัฒนาแคมเปญการตลาดที่ตรงความตัองการจริงๆ ตอกย้ำให้แบรนด์ครองความเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภค (Top of mind)

“เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เราต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนและเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา แคมเปญแต้มเอ็มเป็นการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม เข้าถึงและสร้างความสะดวกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น และที่สำคัญคือ สร้างลอยัลตี้ระหว่างแบรนด์ M-150 กับผู้บริโภค ช่วยให้เราสามารถบริหาร Asset ต่างๆ ที่เรามีให้ แข็งแกร่งขึ้น  พร้อมใช้ประโยชน์จาก Asset และกิจกรรมต่างๆ ของแบรนด์”

 


แชร์ :

You may also like