HomeDid you know?8 เรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็น James Dyson “อัจฉริยะนักออกแบบผลิตภัณฑ์” ต้องล้มแล้วลุกมากกว่า 5,127 ครั้ง

8 เรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็น James Dyson “อัจฉริยะนักออกแบบผลิตภัณฑ์” ต้องล้มแล้วลุกมากกว่า 5,127 ครั้ง

แชร์ :

ไม่ว่าใครก็ต้องเคยพบกับความพ่ายแพ้กันทั้งนั้น “James Dyson” ผู้ก่อตั้ง Dyson Ltd. บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอังกฤษก็หนีความจริงข้อนี้ไม่พ้น โดยก่อนที่เขาจะได้รับการขนานนามว่า ‘อัจฉริยะนักออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลก’ นั้น เขาได้ผ่านบทเรียนและบททดสอบมากมาย และบางบทเรียนก็เกือบทำเขาล้มละลายเลยทีเดียว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การคิดค้นเครื่องดูดฝุ่นระบบไซโคลนเครื่องแรกของโลกขึ้นมาได้ ด้วยดีไซน์ทันสมัยและเทคโนโลยีสุดล้ำยุคที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เครื่องดูดฝุ่นของ Dyson ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมอื่น ๆ ตามมา ปัจจุบัน Sir James Dyson จัดเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอังกฤษ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าชีวิตของชายวัย 72 ปี ต้องผ่านความล้มเหลวอะไรมาบ้าง 

เราลองมาดู 8 เรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจของชายนักประดิษฐ์คนนี้กัน

เป็นถึงเจ้าของบริษัทนวัตกรรมสุดล้ำ แต่ไม่มีปริญญาวิศวกรรม

ในวัยเด็ก James Dyson เข้าเรียนในโรงเรียนประจำ แต่หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิต เขาก็ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนศิลปะ Byam Shaw ก่อนจะค้นพบตัวเองว่าชื่นชอบการออกแบบมากกว่าการเรียนศิลปะทั่วไป จึงไปเข้าเรียนต่อที่ Royal College of Art ในสาขาการออกแบบอุตสาหกรรม ซึ่งที่นี่เอง ที่ทำให้เขาได้ค้นพบความหลงใหลในการออกแบบเชิง Functional Design ที่เน้นประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก

ผู้ออกแบบ Rotork Sea Truck

ในช่วงที่ศึกษาอยู่ Royal College of Art James Dyson ในวัย 23 ปี ได้เริ่มมีโอกาสสร้างงานออกแบบ โดย Jeremy Fry ประธานของ Rotork ได้เสนองานออกแบบเรือบรรทุก Rotork Sea Truck เรือบรรทุกความเร็วสูงที่สามารถเดินทางได้ 50 ไมล์ต่อชั่วโมง และสามารถจอดได้โดยไม่มีท่าจอดเรือ ซึ่งเรือลำนี้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมน้ำมันและการก่อสร้าง รวมทั้งใช้ในกองทหารของอังกฤษ

เผชิญบทเรียนราคาแพง 

ต่อมาในปี 1974 James Dyson ได้คิดค้น Ballbarrow รถเข็นพลาสติกที่มีล้อเป็นลูกบอลแทนล้อปกติขึ้น ซึ่งนอกจากไม่ทำให้เกิดสนิมแล้ว ยังไม่จมไปกับดินอ่อน หรือติดกับคอนกรีตเวลาเข็นอีกด้วย ฟังดูเหมือนเรื่องราวเริ่มต้นได้ดี แต่ความสำเร็จนี้อยู่ได้ไม่นาน เขาถูกบีบให้ต้องขาย Ballbarrow ให้กับนักลงทุน เพราะความผิดพลาดด้านการจดสิทธิบัตร ซึ่งถือเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ทำให้เขาตั้งใจว่าจะไม่พลาดซ้ำกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นต่อไป

รำคาญเครื่องดูดฝุ่น!

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นในวันหนึ่งเมื่อต้องทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเอง เพราะเครื่องดูดฝุ่นสร้างความรำคาญจากการที่ต้องคอยนำถุงผ้าไส้กรองไปเป่า และเมื่อเริ่มใช้ไปนานๆ เจ้าเครื่องดูดฝุ่นเจ้าปัญหานี้ ยังมีแรงลมน้อยลง ทำให้ต้องคอยเปลี่ยนไส้กรองอยู่เรื่อยๆ เป็นที่มาทำให้เขาคิดประดิษฐ์เครื่องดูดฝุ่นที่ไม่ต้องมีไส้กรองให้ยุ่งยากอีก

 

ต้องสร้าง prototype มากถึง 5,127 แบบ

หลังจากวันที่เขาเริ่มจัดการกับเครื่องดูดฝุ่นอย่างจริงจัง เขาก็หมกมุ่น ใช้เวลาค้นคว้า ลองผิดลองถูกสร้าง prototype มากถึง 5,127 แบบ ในช่วงเวลาหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยหยุดและยอมแพ้ จนในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ สามารถสร้าง DC01 (Dyson Cyclone) เครื่องดูดฝุ่นที่ไม่ต้องใช้ถุงกรองตัวแรกของโลก และหลังจากปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดได้ไม่นาน DC01 กลายเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ขายดีที่สุดในอังกฤษ

ถูกโกงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเฉียดล้มละลาย!

ในช่วงระหว่างที่กำลังพัฒนา DC01 James Dyson ต้องเผชิญกับปัญหาจากการทำธุรกิจมากมาย จนทำให้เขาต้องเป็นหนี้มหาศาล แทบล้มละลายเลยก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่หยุดยั้งความตั้งใจ เขาเดินหน้าหาบริษัทที่มีแนวทางเดียวกัน จนในที่สุดก็ได้มาเจอกับ Apex Inc. บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น จนตกลงเซ็นสัญญาร่วมกัน และเริ่มก่อตั้งบริษัท Dyson ขึ้นเมื่อปี 1993

แล้วความสำเร็จก็มาถึงจนได้

ผลิตภัณฑ์ของ Dyson ได้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ โดยปัจจุบัน Dyson มีพนักงานมากกว่า 12,000 คนทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นพนักงานอยู่ที่อังกฤษ 4,800 คน ในด้านผลกำไร เมื่อปี 2017 Dyson มีรายได้อยู่ที่ 801 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นราวๆ 27% จากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ Forbes ยังได้ประเมินความมั่งคั่งของท่านเซอร์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่มีมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากการถือครองที่ดินจำนวนมากในอังกฤษ ทั้งที่อยู่ในเมือง Lincolnshire, Oxfordshire และ Gloucestershire

ไม่หยุดนิ่งและยังคงคิดนอกกรอบ

มาถึงวันนี้ผลิตภัณฑ์ของ Dyson ไม่ได้มีแค่เครื่องดูดฝุ่น พัดลม และไดร์เป่าผมเท่านั้น แต่ชายผู้นี้กำลังสร้างความท้าทายใหม่บนเส้นทางการพัฒนานวัตกรรม ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ โดย James Dyson ได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตออกสู่ตลาดได้ในปี 2021 หลังจากที่เขาได้ขยายขนาดศูนย์เทคโนโลยีของบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อรองรับการย้ายสำนักงานใหญ่จากเมือง Malmesbury ที่อังกฤษไปอยู่ที่นั่นแทน

ไม่รู้ว่าในอนาคต ท่านเซอร์ผู้นี้จะสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอะไรออกมาอีกบ้าง แต่ที่แน่ ๆ เรื่องราวของเขาถือเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่ตนเองรัก เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้กับชีวิต เพราะไม่มีใครรู้ว่าต้องล้มครั้งอีกกี่ครั้งจึงจะเจอกับคำว่าสำเร็จ ขอเพียงพยายามต่อไป มันต้องสำเร็จสักวันแหละน่า

Source

Source

 

 

 


แชร์ :

You may also like