เชื่อว่าสำหรับวงการเทคโนโลยี หนึ่งในรายงานที่น่าสนใจก็คือ รายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (e-Conomy SEA Report) ที่ Google จัดทำร่วมกับ Temasek และ Bain & Company โดยในปีนี้ นอกจากทีมงานของ Google จะนำเสนอจุดที่น่าสนใจของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยที่มีการเติบโตสูงในด้านอีคอมเมิร์ซกันไปแล้ว ปี 2025 ยังเป็นครั้งแรกที่รายงานดังกล่าวนำเสนอเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศกลุ่ม ASEAN-4 ซึ่งประกอบด้วย บรูไน, กัมพูชา, ลาว และเมียนมาร์ด้วย ซึ่งความน่าสนใจของทั้ง 4 ประเทศนี้ก็คือมูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัลในปี 2025 ที่คาดการณ์กันว่ามีสูงถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.88 แสนล้านบาท) เลยทีเดียว
แม้ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเป็นตัวเลขที่ห่างจากเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยค่อนข้างมาก (ไทยอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ใหญ่เป็นอันดับสองของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และโตขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า) แต่ทั้ง 4 ประเทศก็มีรูปแบบการเติบโตที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยสิ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับทั้ง 4 ประเทศนี้พบว่าเป็นธุรกิจ เช่น
- บริการอีคอมเมิร์ซ (4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- บริการขนส่ง-อาหาร (800 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Online Travel (600 ล้านเหรียญสหรัฐ)
- Online Media (700 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แม้มูลค่ายังเล็ก แต่โอกาสเติบโต “สูง”
ทาง Bain Analysis คาดการณ์ด้วยว่า ภายในปี 2030 เศรษฐกิจดิจิทัลของกลุ่ม ASEAN-4 นี้อาจเติบโตไปได้ถึง 10,000 – 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีกัมพูชาและเมียนมาครองส่วนแบ่งหลัก ขณะที่ลาวและบรูไน ตลาดยังมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็ยังเติบโต
สำหรับเครื่องยนต์หลักในการเติบโตของกลุ่ม ASEAN-4 ตามการคาดการณ์ของ Bain Analysis คือ บริการขนส่งและอาหารที่ในปี 2025 อยู่ที่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีแนวโน้มโตได้ถึง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอาจมาจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเมือง และการเข้ามาของนักท่องเที่ยว
ASEAN-4 สนใจ AI สูง 95% เชื่อมั่นจนยอมแชร์ข้อมูลกับ AI
นอกจากเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีแนวโน้มสดใสแล้ว อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือ ทั้ง 4 ประเทศให้ความสนใจในเทคโนโลยี AI สูง เห็นได้จากตัวเลขรายได้ของแอปพลิเคชัน AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในเมียนมาร์ (โต 116%) และกัมพูชา (โต 86%)
นอกจากนี้ 75% ของผู้ใช้งานยังยอมรับว่า มีการใช้เครื่องมือ AI เหล่านี้ทุกวัน 38% ยังมีการถามคำถาม AI Chatbot ด้วย ซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้บริโภคใน 4 ประเทศนี้ต่อ AI พบว่าสูงมาก และ 95% ยินดีที่จะแชร์ข้อมูลกับ AI Agents เพื่อให้การใช้บริการ เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ ฯลฯ สะดวกขึ้น และมีเพียง 40% ที่กังวลในประเด็น Data Security ตลอดจนความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ในส่วนของความท้าทายก็มีรออยู่เช่นกัน โดยกรณีของกัมพูชาพบว่ามีมาตรการภาษีของสหรัฐฯ รออยู่ และอาจกระทบต่อการเติบโตของ GDP ได้ หรือในแง่ของบริการอีคอมเมิร์ซ พบว่า การใช้งานในกัมพูชาเป็นแบบซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล แต่อยู่บนอุปกรณ์มือถือเป็นหลัก ซึ่งหากสามารถพัฒนาโลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และทักษะดิจิทัล โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทก็อาจเพิ่มการเข้าถึงตลาดที่รวดเร็วขึ้นได้
ขณะที่เมียนมา (Myanmar) พบว่าส่วนใหญ่เป็นความท้าทายในประเทศ (Domestic challenges) เช่น ปัญหาเงินเฟ้อ ภัยธรรมชาติ ปัญหาความยากจน และนักท่องเที่ยวที่ลดลง (เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย) นอกจากนี้ เมียนมายังถูกจำกัดการเข้าถึงข้อมูล ทำให้แพลตฟอร์ม ผู้ลงโฆษณา และครีเอเตอร์ อาจไม่สามารถสร้างรายได้มากเท่าที่ควร
ส่วนลาวและบรูไน สิ่งที่รายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นภาพก็คือ ทั้งสองประเทศมีการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลที่ดีขึ้น และการเปิดตัวรถไฟลาว–จีน ซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าลาวมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ รายงาน Global Findex ของธนาคารโลกยังระบุว่า ผู้หญิงอายุ 15 ปีขึ้นไปในลาวมีการซื้อสินค้าออนไลน์ในปี 2024 แล้ว 19%
แม้ว่ารูปแบบการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล ASEAN-4 จะค่อยเป็นค่อยไปในบางประเทศ แต่หากโฟกัสที่การใช้งาน AI ที่เพิ่มสูงทั้งใน กัมพูชาและเมียนมา ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนของทั้ง 4 ประเทศนี้ในอนาคตอันใกล้ได้เช่นกัน ส่วนจะเติบโตถึง 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้หรือไม่นั้น อาจเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
e-Conomy SEA Report ยกไทยขึ้นเบอร์หนึ่งอาเซียน “ตลาดอีคอมเมิร์ซที่โตเร็วที่สุด”






