เมื่อกล่าวถึงแบรนด์กาแฟ สตาร์บัคส์ แบรนด์ดังจากซีแอตเทิลที่มีโลโก้ไซเรนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ มักเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึง จากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 27 ปี สตาร์บัคส์ได้สร้างความผูกพันกับลูกค้าจำนวนมากและเป็นที่รู้จักในการเป็น “แหล่งพำนักที่สาม” (Third Place) สำหรับการดื่มกาแฟก่อนเริ่มงาน การนั่งทำงานหรือเรียนในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย รวมถึงเป็นจุดนัดพบกับเพื่อนฝูงในโอกาสต่าง ๆ
นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยไม่เพียงมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังดูแลครอบคลุมถึงผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันผ่านการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG – Environment (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ผ่าน 3 เสาหลักด้านความยั่งยืน ได้แก่ กาแฟ โลก และ ผู้คน
COFFEE: กาแฟคุณภาพที่เติบโตคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนชาวไร่กาแฟผู้อยู่เบื้องหลัง
กาแฟทุกแก้วของสตาร์บัคส์คือผลลัพธ์ของความใส่ใจ ตั้งแต่ “ต้นน้ำ” เพื่อดูแลชาวไร่ผู้ปลูกและรักษาคุณภาพกาแฟ โดยสตาร์บัคส์ได้ดำเนินการในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
- สนับสนุนชาวไร่กาแฟภาคเหนือ: สตาร์บัคส์ร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation หรือ ITDF) เพื่อสนับสนุนการปลูกกาแฟอาราบิก้าอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านอาชีพ รายได้ และโครงสร้างพื้นฐาน รายได้ 5% จากการขายเมล็ดกาแฟ “ม่วนใจ๋ เบลนด์” ทุกถุง จะถูกคืนกลับสู่ชุมชน รวมแล้วกว่า 13 ล้านบาท ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวไร่และเด็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง
- C.A.F.E. Practices: มาตรฐานการคัดเลือกกาแฟที่ดีต่อโลก: เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความยั่งยืน สตาร์บัคส์ยึดหลัก C.A.F.E. Practices ในการคัดเลือกกาแฟ ซึ่งประกอบด้วย 4 หลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ คุณภาพเมล็ดกาแฟ ความโปร่งใสทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
PLANET: การเปลี่ยนแปลงโลก เริ่มได้ที่ร้านกาแฟใกล้บ้าน
สตาร์บัคส์มีเป้าหมายระยะยาวที่จะเป็น “Resource-positive” ภายในปี 2573 โดยมุ่งมั่นที่จะ “คืนกลับให้ธรรมชาติมากกว่าที่ได้รับมา” ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก:
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 50% ตลอดซัพพลายเชน
- ลดการใช้น้ำ 50% ตลอดซัพพลายเชน และทดแทนน้ำคืนสู่แหล่งน้ำ
- ลดปริมาณขยะฝังกลบ 50% เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
การผลักดันด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบร้าน ไปจนถึงการเชิญชวนลูกค้าและการขยายความร่วมมือ เพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน:
- ร้านกาแฟสีเขียว (Greener Store): สตาร์บัคส์ร่วมกับ World Wildlife Fund (WWF) พัฒนาร้านที่ออกแบบอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมีร้านที่ได้รับมาตรฐานนี้กว่า 9,396 สาขาทั่วโลก และตั้งเป้าครบ 10,000 สาขาภายในปี 2568 สำหรับประเทศไทย มีร้านกาแฟสีเขียวแล้ว 35 สาขา ตั้งแต่ปี 2566 โดยยึดกรอบมาตรฐาน 8 ประการ เช่น การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการน้ำ และการใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบ
- LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จาก “แก้ว” เพียงหนึ่งใบ: ในปี 2567 สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญกระตุ้นลูกค้าให้นำแก้วส่วนตัวมาใช้ หรือเลือกแก้ว ForHere สำหรับดื่มในร้าน เพื่อลดการใช้แก้วครั้งเดียวทิ้ง โดยนับตั้งแต่การเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย สตาร์บัคส์ได้ช่วยลดไปแล้วกว่า 34 ล้านใบ
- ความร่วมมือกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนส์ (Scholars of Sustenance หรือ SOS) – โครงการจัดการอาหารอย่างยั่งยืน
ตั้งแต่ปี 2565 สตาร์บัคส์ร่วมมือกับมูลนิธิ SOS เพื่อจัดการขยะอาหารและส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ผ่าน2 กิจกรรมหลัก: Starbucks FoodShare ส่งต่ออาหารที่ไม่ได้จำหน่ายสู่ชุมชน และ โครงการครัวรักษ์อาหาร (SOS Rescue Kitchen) ที่พาร์ทเนอร์อาสาปรุงอาหารส่วนเกินให้เป็นเมนูมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้ขาดแคลน
ผลลัพธ์โครงการ (ก.ค. 2565 – ต.ค. 2568):
- ส่งต่ออาหาร: รวม 82,936 กิโลกรัม (ราว 338,045 มื้อ)
- ลดการปล่อยคาร์บอน: กว่า 203,107 กิโลกรัม
- พาร์ทเนอร์อาสา: กว่า 230 คน ทำอาหารรวมแล้วกว่า 31,071 มื้อ
- สมทบทุน SOS: กว่า 9 ล้านบาท
- ปี 2568: มอบรถขนส่งอาหารแช่เย็น 1 คัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายอาหาร
PEOPLE: ร้านกาแฟที่เป็นมากกว่าพื้นที่สำหรับผู้คน ชุมชน และโอกาส
สตาร์บัคส์เชื่อมั่นว่าการเติบโตที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับการพัฒนาชุมชนรอบข้าง ทั้งในด้านความเป็นอยู่และอาชีพ จึงเป็นที่มาของโครงการที่สร้างผลกระทบในระยะยาว:
- ร้านกาแฟเพื่อชุมชน (Community Store) – จากปลายน้ำกลับสู่ต้นน้ำ: ร้านที่ส่งเสริมพาร์ทเนอร์ให้มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น โดยแบ่งรายได้ 10 บาทจากการจำหน่ายกาแฟ 1 แก้ว ให้กับมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน และมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ปัจจุบันมี 3 สาขาในไทย (สาขาหลังสวน, รีเสิร์ฟ เจ้าพระยา ริเวอร์ฟร้อนท์ ไอคอนสยาม ชั้น 7 และ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม) ร้านเหล่านี้เป็นพื้นที่ที่ร่วมสร้างความหมายและช่วยให้ชุมชนเติบโตอย่างมั่นคง
สตาร์บัคส์สาขา เดอะ กาด ฝรั่ง แม่ริม
- Aqua Tower – ส่งมอบน้ำสะอาดให้ชุมชน: สตาร์บัคส์ร่วมกับ Planet Water Foundation สร้าง Aqua Tower 7 แห่ง ในสระแก้วและเชียงราย ช่วยให้ผู้คนกว่า 12,600 คนเข้าถึงน้ำสะอาด ลดปัญหาสุขอนามัยในระยะยาว
- มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก – ส่งต่อการอ่านมากว่า 20 ปี: กิจกรรมต่อเนื่องที่ชวนลูกค้าบริจาคหนังสือเพื่อส่งต่อให้เด็กและเยาวชนผู้ขาดโอกาส ด้วยความเชื่อว่าหนังสือเปลี่ยนชีวิตคนได้ ซึ่งจากข้อมูล ณ ปี 2568 สตาร์บัคส์ได้บริจาคหนังสือไปแล้วกว่า 1 ล้านเล่ม
- สินค้าเพื่อความยั่งยืน – สนับสนุนงานฝีมือไทยและเศรษฐกิจหมุนเวียน: สตาร์บัคส์สนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อมผ่านสินค้าที่พัฒนาจากงานฝีมือไทย เช่น ถ้วยเบญจรงค์ ผ้าย้อมสีธรรมชาติ รวมถึงการนำกากกาแฟมาผลิตจานรองแก้วและถาด และกระเป๋าผ้าจากวัสดุรีไซเคิลจากขวดพลาสติก
BEHIND THE GREEN APRON: ความตั้งใจจริงที่ส่งมอบประสบการณ์สตาร์บัคส์อันมีความหมาย
ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนเหล่านี้เกิดขึ้นจากหัวใจของแบรนด์ ที่ใส่ใจทั้งคุณภาพการผลิต ความเป็นอยู่ของชุมชนและพาร์ทเนอร์ การใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ และความตั้งใจที่จะคืนกลับให้ธรรมชาติมากกว่าที่รับมา เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของ “แหล่งพำนักที่สาม” ทำให้สตาร์บัคส์เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนโลกให้ดีขึ้นในทุกวัน