“บ้านปู” (BANPU) ปรับโครงสร้างธุรกิจเดินหน้าควบรวม “บ้านปู เพาเวอร์” (BPP) ตั้งเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ภายใต้ชื่อ BANPU เดินหน้าเพิ่มสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจที่ไม่ใช่ถ่านหิน คาดเสร็จไตรมาส 3 ปี 2569
บมจ. บ้านปู หรือ BANPU แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ มติคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ดังนี้
ปรับโครงสร้าง BANPU ควบรวม BPP
– อนุมัติเกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มบริษัทมีความคล่องตัวและความพร้อมในการสร้างโอกาสเติบโต โดยมีเป้าหมายสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ Energy Symphonics พร้อมปรับตำแหน่งธุรกิจ (Positioning) และทิศทางการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจที่ไม่ใช่ถ่านหิน (Non-coal)
– อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมการควบบริษัทระหว่าง BANPU และ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด หรือ BPP
– อนุมัติให้ BANPU เข้าทำข้อเสนอรับซื้อหุ้นของ BPP เป็นการทั่วไป จากผู้ถือหุ้นรายอื่นของ BPP (ธุรกรรมการรับซื้อหุ้นเป็นการทั่วไป หรือ General Offer) ก่อนการดำเนินธุรกรรมการควบบริษัทและการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2569 ในราคารับซื้อหุ้นที่ 13.00 บาทต่อหุ้น
– โดยจะมีการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ BANPU และ BPP ในอัตราส่วนการแลกหุ้น (Swap Ratio) เบื้องต้น คือ 1 หุ้นเดิมใน BANPU ต่อ 0.35575 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน BPP ต่อ 0.74615 หุ้นในบริษัทใหม่
– BANPU และ BPP จะเข้าทำธุรกรรมการควบรวมบริษัท ซึ่งจะส่งผลให้ BANPU และ BPP สิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคลและเกิดบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ขึ้น โดยบริษัทใหม่ (NewCo) จะมีทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 40,496,219,730 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 4,049,621,973 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งเท่ากับจำนวนทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ BANPU และ BPP ทั้งหมดรวมกัน (ภายหลังจากการลดทุนจดทะเบียนของ BPP และการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ BANPU)
– โดย BANPU และ BPP จะสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล และเกิดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ขึ้นจากการควบบริษัท “บริษัทใหม่” (NewCo) ซึ่งบริษัทใหม่ดังกล่าวจะได้รับไปทั้งทรัพย์สิน หนี้สิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งหมดของบริษัทฯและ BPP พร้อมเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 29 มกราคม 2569
– บริษัทใหม่จะใช้ชื่อบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และจะใช้ BANPU เป็นชื่อย่อหลักทรัพย์ในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าธุรกรรมควบรวม และ “บริษัทใหม่” จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569 (ตลอดกระบวนการควบรวม สามารถซื้อขายหุ้นได้ปกติ)
ปรับโครงสร้างชูกลยุทธ์ 4 เสาธุรกิจ
คุณสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการปรับโครงสร้าง “บ้านปู” ควบรวม BPP ภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics ใหม่เป็น 4 เสาธุรกิจ
1. Next-Gen Mining (เหมืองยุคใหม่) ยกระดับการทำเหมืองด้วยเทคโนโลยี AI และเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแร่แห่งอนาคต ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
2. US Closed-Loop Gas (ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ) ที่รวมสินทรัพย์ด้านพลังงานก๊าซในสหรัฐฯ ให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ BKV
3. Power+ (ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง) ขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) การซื้อขายพลังงาน โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโครงสร้างพื้นฐานของก๊าซธรรมชาติ
4. Future Tech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) มุ่งเน้นเทคโนโลยีพลังงานที่เชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูล (Data Center) และนวัตกรรมด้านพลังงาน
หลังควบรวม BANPU (บริษัทใหม่) คือการปรับโครงการสร้างเป็นกระดุมเม็ดแรก ที่จะบรรลุเป้าหมายทำให้ EBITDA ธุรกิจที่ไม่ใช่ถ่านหินมากกว่า 50% ภายในปี 2030
“การปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นสร้างเครื่องยนต์การเติบโตใหม่ให้ BANPU เพื่อให้ BANPU เป็นมากกว่า Holding Company ที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น BANPU และ BPP ในการเป็นผู้ผลิตพลังงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
ตามแผนลงทุน 5 ปี (2025-2030) ของ BANPU มีมูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นการลงทุนในธุรกิจแก๊สและพลังงานสะอาด
นอกจากนี้ได้มีการรวมสินทรัพย์โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เป็นการรวมการถือหุ้นส่วนใหญ่ จำนวน 75% ในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ขนาดกำลังผลิต 1.5 กิกะวัตต์ ไว้ภายใต้บริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบ้านปูที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (NYSE) โดย BPP อยู่ระหว่างการเตรียมขายสิทธิการลงทุน (Membership Interests) 25% ในกิจการร่วมค้า BKV-BPP Power LLC (BKV-BPP) ให้แก่ BKV ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 230.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,512 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม BPP ยังคงถือหุ้น 25% ในกิจการร่วมค้าดังกล่าว เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอนาคต โดยธุรกรรมนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2569 และจะดำเนินการชำระค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสิทธิการลงทุนในรูปแบบของเงินสดจำนวน 50% และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKV คิดเป็น 50% ของมูลค่ารวม
คุณอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่าโครงสร้างใหม่นี้จะสร้างคุณค่าให้กับ “บริษัทใหม่” 3 มิติ
1. Fucus : การควบรวม BANPU และ BPP จัดตั้ง “บริษัทใหม่” (NewCo) จะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง โครงสร้างของกลุ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในธุรกิจต่างๆ โดยมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้เสาหลักของแต่ละธุรกิจขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
2. Resilience : ช่วยปลดล็อกมูลค่าและสะท้อนศักยภาพของแต่ละธุรกิจได้เต็มที่ การรวมพลังของ BANPU และ BPP จะทำให้ธุรกิจหลักกลุ่ม Power+ แข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าความร้อน พลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ระบบกักเก็บพลังงาน การซื้อขายพลังงาน มีโอกาสเติบโตมากขึ้นทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานในอนาคต
3. Upside : การรวมกันภายใต้ “บริษัทใหม่” จะเพิ่มขนาดของบริษัทและเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นทำให้เกิดความสนใจของนักลงทุน เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายบริษัทพลังงานระดับโลก โครงสร้างใหม่ยังกระจายรายได้และสร้างกระแสเงินสด จากธุรกิจที่มีศักยภาพและเติบโตสูง รวมทั้งขยายการลงทุนใหม่ในโครงการที่มีศักยภาพและสร้างมูลค่าระยะยาว
การควบรวมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยน BPP จากผู้ผลิตไฟฟ้าระดับภูมิภาค สู่แพลตฟอร์มหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตในกลุ่มบ้านปู





ปรับโครงสร้างชูกลยุทธ์ 4 เสาธุรกิจ
