ตำแหน่ง Editor-in-chief ของนิตยสารชื่อดังในวงการแฟชั่นสหรัฐอเมริกาอย่าง “Vogue” กำลังมาถึงบทใหม่ เมื่อ Anna Wintour ผู้บริหารสูงสุดของนิตยสารดังกล่าวกำลังเตรียมโบกมือลาอย่างเป็นทางการ
โดยทาง Anna Wintour ได้มีการแจ้งกับพนักงานแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และบอกว่า Vogue กำลังเริ่มหา Editor-in-chief คนใหม่เพื่อมาแทนเธอ
ขณะที่ตัวเธอเองนั้น ยังคงเป็นหัวหน้าฝ่ายเนื้อหา (chief content officer) ให้กับแบรนด์สื่อยักษ์ใหญ่ Condé Nast ซึ่งจะะดูแลแบรนด์สื่อในเครือ เช่น Wired, Vanity Fair, GQ, AD, Condé Nast Traveler, Glamour, Bon Appétit, Tatler, The World of Interiors, Allure ฯลฯ (ยกเว้นเพียง The New Yorker ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเดวิด เร็มนิก)
แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นจนยากจะหาใครเทียบได้นั้น ประวัติของ Anna Wintour ก็เป็นสิ่งที่น่าติดตามอย่างมากด้วยเช่นกัน โดย Anna Wintour เติบโตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรสาวของ Charles Wintour อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Evening Standard การศึกษาเบื้องต้นของเธอเริ่มต้นที่ North London Collegiate School โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังในลอนดอน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เนื่องจากเธอเลือกที่จะเข้าสู่วงการแฟชั่นตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมีความสนใจในแฟชั่นมาตั้งแต่วัยรุ่น และได้รับแรงบันดาลใจจากบิดาในการทำงานด้านสื่อ โดยในยุค’70s เธอเริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้ช่วยบรรณาธิการที่นิตยสาร Harper’s & Queen ก่อนจะย้ายไปนิวยอร์ก เพื่อทำงานกับนิตยสาร Harper’s Bazaar ของอเมริกา แต่ถูกให้ออกภายในเวลาไม่กี่เดือนเนื่องจาก “มุมมองที่ล้ำยุคเกินไป”
และในปี 1983 เธอก็ได้ร่วมงานกับ Vogue ในตำแหน่ง Creative Director จากนั้นเพียง 5 ปี (ค.ศ. 1988) เธอก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นบรรณาธิการบริหาร (Editor-in-Chief) ของ Vogue สหรัฐอเมริกา
ภายใต้การนำของเธอ Vogue กลายเป็นหนึ่งในนิตยสารแฟชั่นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก จากเนื้อหาที่มีความร่วมสมัย และการนำเสนอผู้หญิงที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้จากหลากหลายวงการ
ทั้งนี้ เธอยังได้ก้าวขึ้นสู่ระดับบริหารของ Condé Nast ในปี 2013 (ตำแหน่ง Artistic Director ของ Condé Nast บริษัทแม่ของ Vogue) และ Chief Content Officer และ Global Editorial Director ของเครือ Condé Nast ในปี 2020 ด้วย
Anna Wintour มักมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ เช่น John Galliano, Marc Jacobs, Alexander McQueen อีกทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดงาน Met Gala ในฐานะประธานการจัดงานต่อเนื่องกว่าสามทศวรรษ และสามารถระดมทุนให้กับพิพิธภัณฑ์ The Costume Institute ของ The Metropolitan Museum of Art นิวยอร์กได้หลายล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ด้วยบุคลิกที่เฉียบขาด ทรงพลัง เธอยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละคร “Miranda Priestly” ในหนังสือและภาพยนตร์ The Devil Wears Prada ด้วย โดยเธอมักปรากฏตัวด้วยผมทรงบ็อบเรียบตรง และแว่นกันแดดใหญ่
และในปี 2017 เธอก็ได้รับตำแหน่ง Dame Commander of the Order of the British Empire (DBE) จากราชวงศ์อังกฤษ รวมถึงติดอันดับผู้หญิงทรงอิทธิพลในโลกของ Forbes หลายปีติดต่อกัน