หลังจากเริ่มให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2568 ล่าสุดเครือซีพี นำโดย “คุณศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวซูเปอร์แอป Amaze แล้วอย่างเป็นทางการ โดยนอกจากจะเป็นแอปที่สามารถรวมพอยต์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไว้ในที่เดียวแล้ว ยังมีส่วนของหน้าร้านอีคอมเมิร์ซให้ผู้ประกอบการเข้ามาเปิดขายสินค้าได้ด้วย พร้อมชู 2 จุดแข็ง “ค่าธรรมเนียม” ที่ต่ำกว่าแพลตฟอร์มข้ามชาติ และ “บริการหลังการขาย” หวังเจาะใจอีคอมเมิร์ซไทย
ทั้งนี้ คุณศุภชัย ได้ให้คำนิยามถึงแอป Amaze ว่า เป็น Loyalty E-Commerce หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ CRM E-Commerce พร้อมอธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า
“การทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความหลากหลายของการแลกแต้ม หรือการเอาแต้มมารวมกันได้เท่านั้น แต่มันยังหมายถึง การที่เรามีข้อมูล และมีความรู้ความเข้าใจ สามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น”
โดยข้อมูลในมุมของคุณศุภชัย คือฐานข้อมูลลูกค้าที่อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ ที่คุณศุภชัยเผยว่า มีเกินกว่า 100 ล้านแอคเคาน์ (แต่ถ้ามองในกรณีที่ OverLap กัน จะอยู่ที่ราว 36 ล้านแอคเคาน์) ซึ่งการมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และผ่านการยืนยันตัวตนมาอย่างถูกต้องนี้ จะทำให้แบรนด์สามารถทำ Digital Transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อผนวกกับความสามารถของ AI จะทำให้แบรนด์เข้าใจผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้นด้วย
เริ่มต้นสร้าง Amaze เป็นจุดรวมพอยต์
สำหรับจุดเด่นของ Amaze เริ่มต้นที่การเป็นจุดรวมพอยต์ จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งในเครือซีพี เช่น ALL POINT, My Lotus’s, Makro PRO POINT 662& True Point และพอยท์จากบัตรเครดิต เช่น KrungSri, FirstChoice, POINTX, UOB, BBL, GSB และ KBank ไว้ในกระเป๋าเดียว
ดร. สรินทิพย์ สถิตย์เสถียร กรรมการผู้จัดการ Amaze Super App บริษัทแอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพของพอยท์ที่คนไทยมีอยู่แต่ยังใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงพัฒนา Amaze เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรวมพอยท์ และนำไปใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน”
ส่วนในมุมผู้ประกอบการ แอป Amaze ช่วยให้เข้าสู่โลกดิจิทัลได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าในเครือซีพีที่มีขนาดใหญ่กว่า 30 ล้านคนผ่านแอป Amaze ได้ด้วยเช่นกัน
ดร. สรินทิพย์ สถิตย์เสถียร กรรมการผู้จัดการ Amaze Super App บริษัทแอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด
ชูจุดแข็ง “บริการหลังการขาย”
อีกหนึ่งจุดแข็งของแอป Amaze คือการมีบริการหลังการขาย และการรับประกันสินค้า โดยในส่วนนี้ คุณศุภชัยเผยว่า เป็นสิ่งที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างชาติอาจทำได้ไม่ดีเท่า เนื่องจากเครือซีพี มีหน้าร้าน และมีพื้นที่จริงในการให้บริการ
“ในกระบวนการของอีคอมเมิร์ซที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ผู้ประกอบการที่เป็นยักษ์ใหญ่ ส่วนใหญ่ก็เป็นบริษัทข้ามชาติ และเป็นมาร์เก็ตเพลสเฉย ๆ ดังนั้น การดูแลผู้บริโภค ก็จะไม่ได้มีเรื่องของบริการหลังการขายมากนัก แต่ความที่กลุ่มก้อนของเราเป็นบริษัทที่มีพื้นที่จริง ๆ ในการให้บริการ เราจึงสามารถดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคได้ และสร้างจุดเด่นในเรื่องของบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามีความตั้งใจสูงมากที่จะทำให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไทย”
รู้จัก Amaze Mall กับ 5 หมวดหมู่สินค้าเจาะคนไทย
นอกจากนั้น แอป Amaze ยังมีส่วนของ Amaze Mall ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตลาดออนไลน์ หรือมาร์เก็ตเพลส สำหรับให้ผู้ประกอบการเข้ามาขายสินค้า (ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างชาติราวครึ่งหนึ่ง) โดยปัจจุบัน มีร้านค้าบน Amaze Mall แล้ว 500 ร้าน คิดเป็นสินค้าประมาณ 50,000 รายการ และคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีร้านค้าบน Amaze Mall เพิ่มขึ้นเป็น 1,800 ร้าน และในส่วนของสินค้าคาดว่าจะแตะที่ 120,000 รายการเลยทีเดียว โดยสินค้าบน Amaze Mall (ในช่วงแรก) ได้มีการแบ่งเป็น 5 หมวดย่อย ดังนี้
- สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
- แฟชั่น ความสวยความงาม
- สินค้าเพื่อสุขภาพ
- ของใช้ในครัวเรือน
- อุปกรณ์ออฟฟิศ – สินค้าไอที
คุณธรินทร์ ธนียวัน ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มด้านอีคอมเมิร์ซ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า Amaze Super App ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แต่เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่เครือซีพีตั้งใจวางรากฐานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนด้วย
“แนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในวันนี้ ต้องไม่หยุดเพียงแค่การค้าขายออนไลน์ แต่ต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data) อย่างมีประสิทธิภาพ เคารพสิทธิของผู้บริโภคและเปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในขณะเดียวกันก็วางพื้นฐานสำหรับการทำ Personalized Commerce และ Retail Media อย่างครบวงจรในอนาคต”
“Amaze Mall เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสนับสนุนร้านค้าด้วยแผนการตลาดและแคมเปญต่าง ๆ เช่น Amaze Mall Day ที่มอบส่วนลดพิเศษและ Pointback สูงสุดถึง 15% เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยเครื่องมือบริหารจัดการ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำตลอดการดำเนินธุรกิจ โดยตั้งเป้าขยายจำนวนร้านค้าไปสู่ 1,800 ร้านค้าภายในสิ้นปีนี้”
ทั้งนี้ คุณศุภชัยได้กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า เครือซีพีมีแผนจะต่อยอดให้ Amaze เป็นผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซในระดับภูมิภาค เพื่อให้ประเทศไทยมีแชมเปี้ยนในด้านอีคอมเมิร์ซในการแข่งขันกับคู่แข่งต่างชาติในอนาคตด้วย
การเปิดตัวดังกล่าวยังมาในช่วงเวลาที่น่าสนใจ เนื่องจากรายงาน e-Conomy SEA 2024 Report ซึ่งจัดทำโดย Google, เทมาเส็ก และ Bain & Company ได้ระบุไว้ว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการท่องเที่ยว คือสองหัวหอกหลักที่ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในปัจจุบัน พร้อมคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะเติบโตจนมีมูลค่าแตะ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2030 เลยทีเดียว