ในยุคที่ผู้คนเสพสื่อผ่านหน้าจอมากกว่าสื่อแบบดั้งเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่า LINE WEBTOON กลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เข้ามาสร้างความแตกต่าง ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่ออกแบบให้เหมาะกับการอ่านบนสมาร์ทโฟน ซึ่งความต่างนั้น ยังส่งผลให้ชื่อของ WEBTOON กลายเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่สามารถสร้างการสนทนาของผู้บริโภคยุค Gen Z ได้ และยังกลายเป็นพื้นที่แจ้งเกิดของนักวาดและนักเขียนหน้าใหม่ รวมถึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการภาพยนตร์และซีรีส์มากมายเลยทีเดียว
ความสำเร็จของ LINE WEBTOON ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในงาน LINE Conference Thailand 2025 โดยคุณคิม โดยอง หัวหน้าธุรกิจ LINE WEBTOON ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กลุ่มเป้าหมายของ LINE WEBTOON คือ Gen Z และเป็นผู้หญิงมากถึง 68% โดยผู้ใช้งานเข้ามาอ่าน WEBTOON เฉลี่ย 56 นาที
WebComic ธุรกิจสร้างรายได้ 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนภาพรวมในระดับโลก ธุรกิจของ WEBTOON มีตัวตนอยู่ในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 150 ประเทศ โดยมีผู้ใช้งาน (Monthly Active Users) มากกว่า 163 ล้านคน และในบางประเทศ ก็อาจมีตัวตนในหลายธุรกิจด้วย เช่น
- WEBTOON (ธุรกิจหลัก) ในการทำตลาดโลก
- LINE Canvas
- ญี่ปุ่น : LINE MANGA, LINE MANGA INDIES และ ebookjapan (ขายอีบุ๊กและ Novels)
- เกาหลีใต้ : Munpia, NAVER Series โดยทั้งสองแพลตฟอร์มเป็น Webnovel และ WebComic
- Wattpad
ในส่วนของครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มพบว่ามี 24 ล้านคน (ข้อมูลเมื่อ 31 ธันวาคม 2023) และสร้างรายได้ 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลขปี 2024) โดยรายได้หลัก (80%) มาจาก Paid Content (การจ่ายเงินเพื่ออ่านคอนเทนต์ในแพลตฟอร์ม) รองลงมาคือ Advertisement 12% และ IP Adaptation 8%
คอนเทนต์ไทย ไปไกลแค่ไหนบน WEBTOON
ในส่วนของคอนเทนต์ไทย คุณคิม โดยองได้มีการรวบรวมสถิติต่าง ๆ ของคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์ม ดังนี้
- ผลงานเรื่อง ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม : โดยมียอดเข้าชมมากกว่า 54 ล้านวิว และมียอดการเข้ามาเยี่ยมชมต่อวันสูงถึง 2,000 ครั้ง ผลงานดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากในไทย จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ อีกทั้งยังมีผู้ติดตามกว่า 797,000 คน ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการพัฒนาซีรีส์ และผลิตสินค้า Merchandise รวมถึงเปิด Pop-Up Store (ตัวบูธสามารถดึงดูดผู้คนเข้ามาได้มากกว่า 10,000 คน และยอดใช้จ่ายที่สูงที่สุดที่เกิดขึ้นในบูธคือมากกว่า 12,000 บาท)
- ครัวง่าย ๆ สไตล์เด็กหอ : มียอดวิว 114+ ล้านครั้ง ส่วนยอดผู้ติดตามอยู่ที่ 1.4 ล้านคน และมีการต่อยอดไปสู่การทำคลิปอนิเมชันจำนวน 10 ตอนที่สามารถสร้างยอดวิวได้กว่า 77 ล้านวิว โดยตอนที่มีการรับชมสูงสุดนั้น มียอดวิวกว่า 20 ล้านครั้งเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังพบว่า ปัจจุบันมีการแปลคอนเทนต์ของไทยไปเป็นภาษาอื่น ๆ พอสมควร เช่น วันทองไร้ใจ ที่ถูกแปลเป็นภาษาอินโดนีเซีย ครัวง่าย ๆ สไตล์เด็กหอ-คุณแม่วัยใสที่ถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น โดยการแปลคอนเทนต์เพื่อทำตลาดในต่างประเทศจะพิจารณาจากอินไซท์-ความนิยม-ค่านิยมของแต่ละประเทศที่อาจแตกต่างกัน เช่น คอนเทนต์วาย (ชายรักชาย) อาจเป็นที่นิยมในประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย แต่ไม่สามารถทำตลาดในประเทศอินโดนีเซียได้ เป็นต้น
ตลาด Merchandise โอกาสของครีเอเตอร์?
การเล่าเรื่องในรูปแบบของ WEBTOON ยังนำไปสู่อีกหนึ่งธุรกิจ นั่นคือ Merchandise ที่คุณคิม โดยองเผยว่า ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Gen Z ทำให้มีความสนใจในสินค้าที่จับต้องได้ และเริ่มเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมยกตัวอย่างการทำสินค้าของครีเอเตอร์บน WEBTOON ร่วมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น อาหาร, เครื่องสำอาง, น้ำหอม, ฟิกเกอร์ ฯลฯ หรือแม้แต่บัตรเครดิต (ในเกาหลีใต้)
นอกจากนี้ยังพบว่า ความนิยมของคอนเทนต์บน WEBTOON ยังทำให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์กลับมามียอดขายสูงขึ้นอีกครั้ง เช่น เรื่อง Summer Night ที่พบว่า ลูกค้ากลุ่ม Gen Z ซื้อหนังสือดังกล่าวเป็นจำนวนมาก (ซึ่งคุณคิม โดยองเผยว่า เป็นสถิติที่สวนทางกับภาพลักษณ์ของ Gen Z ที่มักพบว่าไม่ชอบอ่านหนังสือแบบเป็นรูปเล่ม แต่กรณีนี้ คือมาซื้อหนังสือเพราะต้องการสนับสนุน และให้กำลังใจผู้แต่ง)
ระบบนิเวศของ LINE WEBTOON หรือ Business Flywheel ที่ทั้งนักวาดและผู้อ่านมีส่วนช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ
ก้าวต่อไปของครีเอเตอร์ไทย โตอย่างไรบน WEBTOON?
ในประเด็นนี้ คุณคิม โดยองเผยว่า จากที่ทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ไทยมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของครีเอเตอร์ไทยคือความคิดสร้างสรรค์ และรูปแบบการสร้างคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์สูงมาก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมคือทักษะในการใช้เครื่องมือ โดยคุณคิม โดยองมองว่า หากครีเอเตอร์ไทยใช้เครื่องมือได้คล่อง ก็จะทำงานได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง (ในจุดนี้เขาได้ยกตัวอย่างการทำงานของเกาหลีที่จะทำงานกันเป็นสตูดิโอ มีทีมวาด ทีมเนื้อเรื่อง ขณะที่ครีเอเตอร์ไทยมักจะทำงานคนเดียว) ซึ่งเพื่อแก้ไขในจุดนี้ ทางแพลตฟอร์มได้มีการเชิญนักวาดของเกาหลีใต้มาอบรมเป็นกรณีพิเศษด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น สิ่งที่ทางผู้บริหาร WEBTOON มองเพิ่มเติมคือการเสริมความรู้ความเข้าใจใน Global Trends เพื่อให้ครีเอเตอร์ไทยสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้อ่านระดับโลกได้มากขึ้น และปัจจุบันทาง WEBTOON มีการนำ AI มาพัฒนาเป็นเครื่องมือช่วยในการสร้างคอนเทนต์ให้ครีเอเตอร์ได้ใช้งานกันแล้วด้วย (นักเขียนไทยก็สามารถเข้าใช้งานได้)
ส่วนในภาพรวม คุณคิม โดยองให้ทัศนะว่า การจะประสบความสำเร็จบน WEBTOON ต้องเริ่มจากคอนเทนต์ที่มีความเป็นออริจินัล และมีความ Diversify ซึ่งเมื่อมีแพลตฟอร์มเข้ามาช่วยก็จะทำให้คอนเทนต์นั้น ๆ เข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลก และเมื่อคอนเทนต์ได้รับความนิยม ก็จะนำไปสู่การมี Fandom ที่แข็งแกร่ง ซึ่งทางทีมงานพบด้วยว่า นักเขียนที่มีฐานผู้อ่านแข็งแกร่ง ก็จะนำไปลงทุนเพิ่ม และสร้างคอนเทนต์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
เปิดเป้าหมาย LINE WEBTOON 2025
ก่อนจากกัน คุณคิม โดยองได้กล่าวถึงเป้าหมายของทางแพลตฟอร์มต่อประเทศไทยในปี 2025 เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาเผยว่า จะมีการพัฒนาคอนเทนต์ออริจินัลใหม่ของไทยให้ถึง 52 เรื่อง พร้อมขยายผลงานของครีเอเตอร์ไทยสู่ IP Business โดยมีทั้งส่วนที่ LINE WEBTOON ผลิตเอง และส่วนที่จับมือกับพาร์ทเนอร์ เช่นการจัด Pop-Up Event, Merchandise หรือผลิตหนังสือแบบเล่ม และจัดงานใหญ่อย่าง WEBTOON Conference เป็นครั้งแรกในประเทศไทยช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ด้วย