HomeInsightPet Economy สะพัด 5.5 หมื่นล้าน ทาสน้องจ่ายหนัก สินค้า-บริการโตกระฉูด

Pet Economy สะพัด 5.5 หมื่นล้าน ทาสน้องจ่ายหนัก สินค้า-บริการโตกระฉูด

แชร์ :

Pet Humanization_Pet Food
เทรนด์ Pet Parent (ดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกครอบครัว) ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มาจากเทรนด์สังคมสูงวัย คนโสด คู่แต่งงานไม่มีลูก (D.I.N.K) การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) บริการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยงดีขึ้น

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

กลุ่ม Pet Parent มีกำลังใช้จ่ายสูงเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยง โดยค่าใช้จ่ายรายเดือนต่อสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวเฉลี่ยถึง 10,000 -20,000 บาทต่อปี พบว่าการใช้จ่ายสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเติบโตทุกปี ในปี 2566 มูลค่ากว่า 55,000 ล้านบาท เติบโต 10% กรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์ว่าปี 2569 จะมีมูลค่าสูงถึง 66,784 ล้านบาท

จากเทรนด์ Pet Parent มาแรง Marketeer ได้เปิดเวที Talk มองหาโอกาสตลาดสัตว์เลี้ยง ในงาน “น้อนนน Economy Insight & Trends” เจาะลึกอินไซต์ Pet Economy อัปเดตเทรนด์ธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่ต้องจับตา

คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้โตกระฉูด 4,000%

คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแนวโน้มการพัฒนาคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ เป็นกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยที่เติบโตมาต่อเนื่อง โดยเมเจอร์ฯ เป็นผู้บุกเบิกตลาดนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมเจอร์ฯ เมื่อ 25 ปีก่อน ด้วยความที่เป็นคนรักสัตว์เลี้ยงและเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนรักสัตว์เลี้ยง จึงพัฒนาคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) มาตั้งแต่โครงการแรก คอนโด แฮมป์ตัน ทองหล่อ 10 ปัจจุบันมีกว่า 60 โครงการ

พบว่าผู้พักอาศัยในคอนโด เมเจอร์ฯ มีสัดส่วนเลี้ยงสัตว์มากขึ้น โดยปี 2565 อยู่ที่ 40% ปี 2566 อยู่ที่ 45% ประเภทของสัตว์เลี้ยงในคอนโด เมเจอร์ฯ น้องหมา 60% น้องแมว 38% สัตว์เลี้ยงทางเลือก (Exotic) 2%

จากข้อมูลของ LWS บริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN พบว่าแนวโน้มการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly Condominium) ในปี 2565 มีจำนวน 5,663 ยูนิต เติบโต 4,394% จากปี 2561 ที่มีจำนวน 157 ยูนิต อีกทั้งตลาดเช่าคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้มีค่าเช่าสูงกว่าห้องทั่วไป นั่นทำให้ตลาดคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

5 ปัจจัยความสำเร็จในธุรกิจสัตว์เลี้ยง

คุณพรชัย ตติยชัยทวีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในเครือไทยยูเนี่ยน (TU) กล่าวว่าบริษัทมีประสบการณ์ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมากว่า 40 ปี โดยแยกธุรกิจจากไทยยูเนี่ยนเข้าตลาดฯ เน้นการรับจ้างผลิต (OEM) ให้แบรนด์สินค้าระดับโลก ส่งออกใน 45 ประเทศ โดยเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 1 ในไทย อันดับสองในเอเชีย และติดอันดับท็อป 20 ของโลก

ส่วนตลาดในประเทศไทย มีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง 3 แบรนด์ คือ Bellotta อาหารแมว Marvo อาหารสุนัข และ ChangeTer เป็นอาหารและขนมแมวที่เป็นมิตรต่อไต เป็นรายแรกที่พัฒนาอาหารกลุ่มฟังก์ชันนอลเพื่อดูแลสุขภาพแมว ซึ่งมาจากการวิจัยข้อมูลที่พบว่าแมวกินน้ำน้อยและป่วยเป็นโรคไตจำนวนมาก

จากเทรนด์ Pet Parent ที่ขยายตัวทั่วโลก พบว่าภาพรวมตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงตลาดโลกเติบโตเฉลี่ย 6% มูลค่าราว 1.51 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนตลาดไทยมูลค่า 51,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

สำหรับ 5 ปัจจัยความสำเร็จในการทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงยุค Pet Humanization และ Premiumization

1. Cross – sector Collaboration การจับมือกับพันธมิตรข้ามธุรกิจ (Collaboration) เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการสัตว์เลี้ยงและเจ้าของสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและยอมจ่ายซื้อสินค้าและบริการพรีเมียมเพื่อลูกรักตัวโปรด

2. Agility ในยุคที่โลกหมุนเร็ว การทำงานต้องปรับเปลี่ยนเร็ว เมื่อมีไอเดียในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ต้องรีบทดลองทันที เพื่อเป็นรายแรกในตลาด

3. Innovation with Speed การคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับสัตว์เลี้ยงและขายได้

4. Know your customer ต้องศึกษาความต้องการทั้งพ่อแม่ของสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นคนจ่ายเงินซื้อ และสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภทด้วยว่าต้องการสินค้าและบริการใด

5. Sustainability การทำธุรกิจทุกประเภทต้องให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนและดูแลสังคมด้วย โดยเฉพาะการทำตลาดในต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องยั่งยืน ไม่เช่นกันอาจจะเจอกับกำแพงภาษีในการทำตลาด

“หน้าแมว” เปิดตัวบริการ PET AI ให้ข้อมูลดูแลสัตว์เลี้ยง

คุณภูริ์ บัณฑิตกุล 1 ใน 2 พี่น้องผู้ก่อตั้งโรงแรมหน้าแมว เพจหน้าแมว (Nhamaew Fanpage) และ Nhamaew Pet Ai กล่าวว่าจากจุดเริ่มต้นเป็นทาสแมว จึงทำเฟซบุ๊กเพจ Nhamaew ปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนราย จากนั้นต่อยอดมาทำโรงแรมแมว ที่มาจาก Pain Point ของตนเอง เพราะเมื่อครอบครัวไม่อยู่บ้านจึงต้องไปฝากข้างบ้านเลี้ยง จึงศึกษาหาข้อมูลทำโรงแรมแมว อยู่ย่านปากเกร็ด นนทบุรี เพื่อให้กับคนรักแมวได้มาฝากเลี้ยง ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 800 บ้าน มีแมวมาพักกว่า 900 ชีวิต

ในยุค AI ได้พัฒนาบริการใหม่ “Nhamaew PET AI” บนแพลตฟอร์ม LINE Official Account เป็นช่องทางให้ข้อมูลและที่ปรึกษาการดูแลสัตว์เลี้ยง เริ่มที่ แมว สุนัข นก กระต่าย ปลา โดยสามารถพิมพ์ข้อมูลสอบถามปัญหาต่างๆ ของสัตว์เลี้ยง เช่น อาการป่วย วิธีการดูแล พฤติกรรมสัตว์เลี้ยง ส่งไปใน LINE OA ได้ 24 ชั่วโมง จากนั้นระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล ให้คำตอบ คำแนะนำต่างๆ รวมทั้งมีช่องทางให้ติดต่อปรึกษาสัตวแพทย์

หลังจากเปิดตัวได้ 10 เดือน บริการ Nhamaew PET AI มีสมาชิกกว่า 32,000 ราย มีคำถามส่งผ่าน LINE OA เกือบ 2 แสนคำถาม คำถามส่วนใหญ่ เป็นพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง 57.1% อาการป่วยและคำแนะนำสุขภาพ 15.5% ปัญหาพฤติกรรม 13.2% โรคเฉพาะทาง 12.4% แนะนำสินค้าและบริการ 1.8%

การมีผู้ใช้บริการและส่งคำถามเข้ามามากขึ้น จะทำให้ระบบ AI เรียนรู้ข้อมูลและตอบคำถามและคำแนะนำได้แม่นยำมากขึ้น

คุณภูริ์ บัณฑิตกุล 1 ใน 2 พี่น้องผู้ก่อตั้งโรงแรมหน้าแมว

 

ประกันภัยสัตว์เลี้ยงโต 140%

คุณณัฐพล อังควานิช ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท หากสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยต้องรักษาในโรงพยาบาลอาจมีค่าใช้จ่ายไปถึงหลักแสนบาท ทำให้กลุ่ม Pet Parent นิยมทำประกันภัยสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับผู้เลี้ยงสัตว์

สะท้อนได้จากปีที่ผ่านมา ประกันภัยสัตว์เลี้ยงเติบโต 140% ขณะที่ประกันภัยทั่วไปเติบโต 5-6%

ทิพยประกันภัย ได้ออกประกันสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมว TIP Pet Lover เบี้ยประกันรายปี เริ่มต้น 645 บาท ถึง 12,000 บาท ครอบคลุมการรักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง ค่าใช้จ่ายในส่วนความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (กรณีสัตว์เลี้ยงทำร้ายคนอื่น) ค่าใช้จ่ายจัดพิธีศพสัตว์เลี้ยง ค่าชดเชยกรณีสัตว์เลี้ยงเสียชีวิต ค่าวัคซีน ค่าโฆษณากรณีสัตว์เลี้ยงสูญหาย และค่าบริการรับฝากเลี้ยงกรณีเจ้าของไปต่างประเทศ

โดยรับทำประกันสุนัขและแมวอายุระหว่าง 3 เดือน – 9 ปี   สัดส่วนปัจจุบันเป็นประกันภัยสุนัข 70% และแมว 30%

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like