HomePR News“เป๊ปซี่โค” หนุนเกษตรกรปลูกมันฝรั่ง เพิ่มผลผลิตและรายได้ สู่ยุคเกษตรอัจฉริยะ [PR]

“เป๊ปซี่โค” หนุนเกษตรกรปลูกมันฝรั่ง เพิ่มผลผลิตและรายได้ สู่ยุคเกษตรอัจฉริยะ [PR]

แชร์ :

ภาคเหนือของประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิที่หลากหลาย เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของชาวบ้านมาอย่างยาวนาน แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากภาวะโลกร้อนในขณะนี้ เริ่มส่งผลกระทบต่อการเกษตรมากขึ้น การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้การเกษตรก้าวขึ้นไปอีกขั้นตอน

เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “เลย์” มันฝรั่งทอดกรอบ ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตควบคู่กับแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมาภิบาลหรือ ESG เดินหน้าหนุนเกษตรกรในปลูกมันฝรั่งตั้งแต่ต้นน้ำ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก เพชรบูรณ์ สกลนคร และนครพนม บนเนื้อที่กว่า 38,000 ไร่ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม เร่งยกระดับการเพาะปลูกมันฝรั่งและมีการรับประกันการซื้อที่แน่นอนภายใต้ระบบพันธสัญญานางสาวบุษบา วงศ์นภาไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และรัฐกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) กล่าวว่า “กลยุทธ์ pep+  ที่บริษัทฯ ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2564 เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งเสริมให้เกษตรกรที่เพาะปลูกมันฝรั่งประสบความสำเร็จในหลายมติ ทั้งการเพิ่มความสามารถ แนวทางการปฏิบัติที่ดีด้านการเกษตร ตลอดจนการพลิกโฉมการเกษตรไปสู่ความยั่งยืน”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นายธนกฤต ศรีวิชัย ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาศักยภาพการผลิตเกษตร บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเป๊ปซี่โค ประเทศไทยได้ให้การส่งเสริมเกษตรกรไทยใน 10 จังหวัด มากกว่า 5,800 คน ผ่านการจัดทำฟาร์มต้นแบบ (model farm) จำนวน 19 แห่ง ซึ่งเกษตรกรที่ทำงานร่วมกับเราจะได้รับองค์ความรู้ และการถ่ายทอดเทคนิค และเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้เกษตรกรนำแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรแบบยั่งยืนมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดการนำเข้า โดยได้เพิ่มผลผลิตจาก 2 ตันต่อไร่ เป็น 3.0-3.2 ตันต่อไร่ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 5 ตันต่อไร่ ภายใน 5 ปี ซึ่งประสบความสำเร็จแล้วในฟาร์มต้นแบบ สามารถสร้างผลผลิตมันฝรั่งได้รวมกว่า 100,000 ตัน ต่อปี ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้มากกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบัน “เลย์” ใช้มันฝรั่งในการผลิต 1.2 แสนตันต่อปี สัดส่วน 70% มาจากเกษตรกรไทย ตั้งเป้าขยับเป็น 85% ภายใน 2030

นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัล Agro Drone Scout หรือการใช้โดรนเพื่อประเมินโรคและตรวจสอบสภาพโดยทั่วไปของพื้นที่ปลูกมันฝรั่ง และ ListenField หรือการใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อตรวจสอบสภาพดิน การติดตั้งระบบชลประทานน้ำหยด และจัดการปัญหาศัตรูพืชและให้สารอาหารแก่พืชแบบผสมผสาน และร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ในการเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเกษตรกรที่สนใจการใช้ระบบน้ำหยดในการเพาะปลูก รวมถึงความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ท้องถิ่นสำหรับภูมิอากาศเขตร้อน เป็นต้น

ผลกระทบจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคพืชและแมลงศัตรูที่เพิ่มขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อการปลูกมันฝรั่งเป็นอย่างยิ่ง เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จึงได้เดินหน้าเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้ทำงานร่วมกับ จีไอแซด (GIZ) และหน่วยงานของไทย อาทิ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าว ผ่านโครงการ “การจัดการห่วงโซ่อุปทานข้าวและมันฝรั่งเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศด้วยวิธีการปลูกข้าวมันฝรั่งและข้าวโพดหมุนเวียนอย่างยั่งยืน” (Building a Climate Resilient Potato Supply Chain through a Whole-Farm Approach หรือ RePSC) เพื่อเสริมทักษะให้เกษตรกรไทยสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรียนรู้แนวทางการจัดการพื้นที่เกษตรฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ เช่นการปรับปรุงดินและการให้ความรู้เรื่องศัตรูพืชและโรคคุณภาพของที่ดิน เพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน ปรับความเป็นกรด-ด่างของดิน การใช้ชีวภัณฑ์ในการควบคุมโรคทางดิน ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ระบบน้ำหยด และระบบให้น้ำตามร่องแบบสลับ การเพิ่มศักยภาพของเกษตรกรและเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเกษตรกรหญิง รวมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือนและยังช่วยเสริมทักษะการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


แชร์ :

You may also like