เป็นสัญญาณที่ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าในตลาดอเมริกา รถ EV อาจไม่ได้มีการเติบโตที่สวยหรู เพราะล่าสุดค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์อย่าง Mercedes-Benz Group AG ก็ได้มีคำเตือนว่า สภาพเศรษฐกิจของโลกที่ผู้คนเริ่มใช้จ่ายอย่างระมัดระวังนั้น ได้ทำให้ความต้องการซื้อรถ EV ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การคาดการณ์ของ Mercedes-Benz Group AG มีขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า บริษัทเห็นแนวโน้มว่าตลาด EV จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำลงในปี 2024 เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และผู้บริโภคมีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังเผชิญการแข่งขันที่สูงมากในจีน และการออกมาตัดราคาของ Tesla อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ ตลาด EV ทำยอดขายได้ยากมากขึ้น โดยซีอีโอของ Mercedes-Benz อย่าง Ola Källenius ยังคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ในปีนี้จะต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 เลยก็เป็นได้
ในส่วนของยอดขายรถ EV ในปีนี้ Mercedes คาดการณ์ว่า รถ EV แบบ Full Electric จะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 19% และรถแบบ Plug-in Hybrid จะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 21% แต่กว่าที่รถ EV จะก้าวขึ้นมามีส่วนแบ่งเกินครึ่งของยอดขายรถยนต์ทั้งบริษัทนั้น น่าจะเป็นช่วงหลังจากปี 2025 ไปแล้ว ซึ่งทิศทางของ Mercedes-Benz มีความคล้ายคลึงกับหลาย ๆ ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ก็มีค่ายผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Ford ออกมาระงับแผนการลงทุนใน EV ของตนเองและปลดพนักงานไปแล้วด้วย
ส่วนคนที่มองว่า EV คือรถแห่งอนาคต ทางผู้บริหาร Mercedes-Benz Group AG ได้หยอดยาหอมเอาไว้ว่า บริษัทฝากความหวังเอาไว้กับรถยนต์ EV ยุคใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มปรากฏโฉมในช่วงปี 2025 ซึ่งในเวลานั้น บริษัทคาดว่าต้นทุนในการผลิตต่าง ๆ จะต่ำลงประมาณ 30% อีกทั้งตัวรถอาจมาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ตัวใหม่ที่สามารถวิ่งได้ที่ระยะทาง 750 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคพร้อมเปิดใจรับมากขึ้น
Ola Källenius ยังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg ด้วยว่า รถยนต์แบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะยังครองตลาดไปได้อีกหลายปี เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีโครงสร้าง – ความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเขามองว่า ระยะเวลา 1 ทศวรรษ อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดังกล่าวจากหน้ามือเป็นหลังมือได้