การตลาดในปี 2024 เป็นการก้าวสู่โลก Marketing 6.0 เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยศาสตราจารย์ ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) ปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลก ได้เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ Marketing 6.0 ที่ว่าด้วย Immersive Marketing การตลาดในโลกผสมผสานหลอมรวมเทคโนโลยีเข้ากับหัวใจของมนุษยชาติ
ย้อนแนวคิด Marketing 1.0 ถึง 6.0
Marketing 1.0 Product-centric นักการตลาดเชื่อว่า “ของดียังไงก็ขายได้”
Marketing 2.0 Customer-centric นักการตลาดต้องเข้าใจว่า “ลูกค้าต้องการอะไร” ยุคลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ
Marketing 3.0 Human-centric นักการตลาดเปลี่ยนมุมมองว่า “ลูกค้าก็คือมนุษย์” ที่แบรนด์ต้องส่งมอบคุณค่า
Marketing 4.0 Digital driven นักการตลาดเริ่มใช้ “เทคโนโลยี” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
Marketing 5.0 Technology for human นักการตลาดใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าใจมนุษย์เพื่อ “การตลาดที่สร้างความยั่งยืน” ให้สังคม
Marketing 6.0 Immersive นักการตลาดใช้ทุกสิ่งเพื่อสร้างประสบการณ์ความรู้สึกที่สมจริง “อย่างไร้เส้นแบ่ง”
ปัจจุบันเป็นการตลาดยุคใหม่ Marketing 6.0 คือยุคแห่งการทำการตลาดแบบ Immersive การสร้างประสบการณ์ทางการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกสมจริงและไร้เส้นแบ่ง (No Line) ไม่ว่าการสื่อสารนั้นจะอยู่บนโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ ต้องทำให้ผู้บริโภคเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่น
ถอดรหัส Marketing 6.0 การตลาดอย่างยั่งยืน ‘สร้างกำไร-ทำให้สังคมดีขึ้น”
คุณขนิษฐา ตั้งวรพจน์วิธาน Executive Consultant บริษัท อินเทจ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาทางการตลาด กล่าวว่า Marketing 6.0 ของศาสตราจารย์ ฟิลิป คอตเลอร์ ได้สรุป 5 แนวคิดมาร์เก็ตติ้งยุคใหม่ไว้ดังนี้
1. Atmospherics Marketing การตลาดสร้างบรรยากาศหรือออกแบบบรรยากาศให้เหมาะสม
2. Societal Marketing การตลาดจูงใจให้ผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น
3. Social Marketing การตลาดเพื่อสังคม
4. Demarketing การตลาดเพื่อลดความต้องการ (ซื้อให้น้อยลงเพื่อทำให้สังคมดีขึ้น)
5. Regenerative Marketing การตลาดเพื่อการฟื้นฟู
ในโลกที่มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นกับสังคม โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อม โลกร้อน เป็นสิ่งที่ธุรกิจและนักการตลาดต้องให้ความสำคัญ และทำธุรกิจในมิติที่ต่างออกไป โดยต้องโฟกัสการทำธุรกิจยั่งยืน ด้วยการลดของเสียจากกระบวนการผลิต การรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด ในยุคนี้สิ่งที่ธุรกิจต้องทำคู่กัน คือกำไรและสร้างความยั่งยืน
หากดูแนวคิด Social Marketing คือการชวนผู้บริโภคทำสิ่งที่ดี แต่อาจไม่คืนกลับมาที่แบรนด์และธุรกิจ จึงเป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถามกับการทำการตลาดในยุคนี้
ขณะที่ Societal Marketing เป็นการตลาดแบบจูงใจให้ผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เป็นการตลาดที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ เพราะช่วยให้แบรนด์เติบโต ลูกค้าใจฟู ทำให้สินค้าตอบโจทย์ทั้ง People Planet Profit คือการตลาดที่สินค้าและบริการดี ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสิ่งที่ดีให้สังคม ขณะเดียวกันโลกก็ดีขึ้นด้วย แบรนด์ที่ทำสิ่งเหล่านี้ได้จึงได้ในแง่ของผลกำไรกลับมาด้วย
วันนี้ผู้บริโภคกำลังมองหาแบรนด์ที่ให้ความสำคัญเรื่อง Mindful Marketing การตลาดอย่างยั่งยืนที่นอกจากสร้างผลกำไรแล้ว ยังสร้าง Impact ต่อสังคม โดยเฉพาะ Gen Z ให้ความสนใจเรื่องความยั่งยืนอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องอยู่บนโลกนี้อีกนานกว่า Gen อื่นๆ จึงมองว่าแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหาให้กับโลกใบนี้ ดังนั้นจึงมองหาแบรนด์ที่ช่วยสร้างสังคมให้ดีขึ้น
“การตลาดที่ดี คือการตลาดที่บอกว่า ลูกค้าใช้สินค้าของเราแล้ว เขาเป็นคนดีอย่างไร ดีขึ้นอย่างไร ช่วยสังคมได้อย่างไรและได้ประโยชน์อะไร ไม่ใช่การตลาดที่พูดว่าแบรนด์ดีอย่างไร”
(Good Marketing makes the brand looks good, Great Marketing makes customers feel good about themselves)
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE
อ่านเพิ่มเติม