HomeBrand Move !!ธุรกิจฟื้นตัวสูงกว่าก่อนโควิด AWC โชว์ไตรมาสแรก กำไร 1,422 ล้าน เพิ่มขึ้น ‘เท่าตัว’  

ธุรกิจฟื้นตัวสูงกว่าก่อนโควิด AWC โชว์ไตรมาสแรก กำไร 1,422 ล้าน เพิ่มขึ้น ‘เท่าตัว’  

แชร์ :

ธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยวฟื้นตัวแรงหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ “แอสเสท เวิรด์ คอร์ป” หรือ AWC ในเครือ ทีซีซี กรุ๊ป ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566  มีกำไรสุทธิ 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.5%  เป็นตัวเลขที่สูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 (ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม) มีรายได้รวมกว่า 4,785 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยเป็นการเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะโรงแรมนอกกรุงเทพฯ และรีสอร์ท ลักซัวรี ที่มีอัตราการเข้าพักสูง จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว อย่างเทศกาลปีใหม่

ทั้งนี้ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.5% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และสูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด  ถือเป็นสัญญาณบวกของการเริ่มต้นปี 2566  

ผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดนี้ มาจากการการดำเนินงานตามกลยุทธ์ GROWTH-LED ผ่านการพัฒนาโครงการทรัพย์สินดำเนินงาน ในไตรมาส 1/2566 มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 119,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 36,548 ล้านบาท เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด

เพิ่มพอร์ตฯโรงแรมปีนี้  6,036 ห้อง  

กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการเติบโตทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ท ลักชัวรี และโรงแรมอื่น ๆ นอกกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สอดรับกับมาตรการการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้มีดีมานด์การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่สูงขึ้น

ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 4,152 บาท ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 ที่เท่ากับ 3,549 บาท หรือเติบโต 17% โดยในไตรมาส 1/2566 กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีรายได้ 2,743 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 1,091 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 28.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ปัจจุบัน AWC มีจำนวนห้องพัก 5,588 ห้อง เพิ่มขึ้น 63% เทียบกับก่อนโควิด-19 รวมทั้งในปีนี้ยังมีแผนเดินหน้าเพิ่มพอร์ตฯในกลุ่มโรงแรมและการรีแบรนด์โรงแรม ได้แก่ โรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท และโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง รวมทั้งการรีแบรนด์โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ เป็น โรงแรม แมริออท เชียงใหม่

โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการจาก 20 โรงแรมในปี 2565 เป็น 22 โรงแรม ในปี 2566 รวม 6,036 ห้อง 

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Assets Enhancement) อาทิ การร่วมมือกับ Accor ในการรีแบรนด์จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ เป็นโรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท แห่งแรกในประเทศไทย

ศูนย์การค้ารายได้โต 114% 

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการค้า (Retail and Wholesale) ได้แรงสนับสนุนจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้เติบโตมากกว่า 114%  จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ AWC ยังมุ่งพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย อาทิ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น  โดยร่วมมือกับดิสนีย์ เปิด “Disney100 Village at Asiatique” การเปิดตัวห้องอาหาร “เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์” และ “เดอะ สยาม ที รูมท์”  เพื่อยกระดับโครงการเอเชียทีคฯ สู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก

ส่งผลให้โครงการเอเชียทีคฯ  มีอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นสอดรับกับจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 250% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 

นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว THE PANTIP LIFESTYLE HUB ที่เชียงใหม่ สร้างแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์สำหรับครอบครัวใจกลางเมืองเชียงใหม่ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา AWC ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนประเทศไทย เป็น “ศูนย์กลางค้าส่งอาหารของภูมิภาค” โดยได้เปิดโมเดลค้าส่งอาหารรูปแบบใหม่ของโครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM การค้าส่งอาหารครบวงจร เชื่อมผู้ค้าส่งอาหารทั่วโลกกับผู้ซื้อในเขตเศรษฐกิจอาเซียน

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like