ในปี 2547 คุณพาที สารสิน ได้ชื่อว่าเป็นซีอีโอสายการบินอายุน้อยที่สุดในวัย 41 ปี กับจุดเริ่มต้นที่ “นกแอร์” หลังใช้เวลาบริหารอยู่ 13 ปี เจอหลากหลายมรสุมและปัญหาขาดทุน จึงได้ตัดสินใจลาออกในปี 2560
ปี 2561 คุณพาที กลับสู่แวดวงธุรกิจอีกครั้งกับการเปิดตัว Online Travel Agent (OTA) แพลตฟอร์มบริการธุรกิจท่องเที่ยว Really Really Cool ทำให้ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และวันนี้ได้หวนคืนสู่อุตสาหกรรมการบินอีกครั้ง กับตำแหน่งผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Really Cool Airlines ในวัย 60 ปี
คุณพาที เล่าว่าที่มาของการคัมแบ็คธุรกิจการบิน หลังจากช่วง 5 ปีก่อนที่ลาออกจากนกแอร์ รู้สึกเข็ดกับการทำสายการบิน แต่ช่วงโควิด ได้มีโอกาสไปเป็นที่ปรึกษาให้ คุณนัตดา บุรณศิริ (อดีตซีอีโอ แอร์เอเชีย เอ็กซ์) และมีไอเดียจะทำสายการบินคอนเซ็ปต์ใหม่ แต่หลังจากคุณนัตดา เสียชีวิต จึงต้องการสานต่อสิ่งที่คิดไว้ จึงเริ่มตั้งบริษัทในเดือนมิถุนายน 2565 เพื่อทำสายการบิน Really Cool
“พาที”ถือหุ้น 51% ดึงนักลงทุนไทยลงขัน
สายการบิน Really Cool เป็นการลงทุนของคุณพาที ถือหุ้น 51% โดยมีนักลงทุนไทยร่วมถือหุ้นด้วยหลายคน เป็นกลุ่มที่มี Passion สนับสนุนท่องเที่ยว โดยอยู่ในหลายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มเทคโนโลยี เพราะกำลังสร้างสายการบินคอนเซ็ปต์ใหม่ ผสมผสานการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้นวัตกรรม (Innovation) และวิธีคิดใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางที่แตกต่างและไม่เคยมีใครทำมาก่อน
“ผมเป็นคนไม่เต็มเท่าไหร่ ทำอะไรไม่เหมือนใครแน่นอน”
ความแตกต่างเริ่มตั้งแต่ชื่อของสายการบิน Really Cool คุณพาที บอกว่าที่ใช้คำนี้เพื่อสะท้อนถึงความแปลกใหม่ เหมือนตอนเปิดตัว “นกแอร์” คนก็พูดว่าทำไมชื่อนกแอร์ แต่ก็สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้ มองว่าชื่อ Really Cool สร้างความแตกต่างในธุรกิจสายการบิน และสะท้อนกับธุรกิจที่ทำเพราะจะส่งมอบความ Really Cool ในทุกธุรกิจและบริการใหม่ๆ ที่จะส่งมอบให้ลูกค้า
“เราเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ Really Cool ที่ Wow เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าหลักชาวต่างชาติยอมรับ (recognize) ได้ง่าย”
วางตำแหน่งสายการบิน Lifestyle Full Service
สำหรับสายการบิน Really Cool วางตำแหน่งเป็น Lifestyle Full Service Airline เป็นตำแหน่งตรงกลางระหว่างพรีเมี่ยมกับโลว์คอสต์ ที่ยังไม่มีสายการบินลักษณะนี้ แน่นอนว่าไม่ได้แข่งกับสายการบินไหน
โดยเป็นสายการบินให้บริการเดินทางระยะไกล (Long haul) เส้นทางต่างประเทศทั้งหมด จะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2566 เริ่มที่เส้นทาง ญี่ปุ่น
ตามแผนที่วางไว้จะเป็นเอเชียและยุโรป เช่น จีน ออสเตรเลีย ลอนดอน ปารีส ให้บริการด้วยเครื่องบิน Airbus A330 (เช่าเครื่อง) ปี 2566 เริ่มบิน 2 ลำ จากนั้นต้นปี 2567 เพิ่มอีก 2 ลำ รวมเป็น 4 ลำ
เห็นโอกาสดีมานด์ท่องเที่ยวฟื้น
อีกเหตุผลสำคัญในการหวนคืนธุรกิจการบิน มาจากการเห็นโอกาสอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวจากโควิด จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดือนมกราคม 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2.14 ล้านคน ททท. ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคนในปี 2566 หรือประมาณ 80% ของจำนวนนักท่องเที่ยว 39 ล้านคนที่ทำได้สูงสุดในปี 2562
แต่หลังโควิดพบว่ามีสายการบินให้บริการไม่เพียงพอกับความต้องการ เพราะซัพพลายเชนอุตสากรรมการบินได้รับผลกระทบหนักในช่วงโควิด การฟื้นตัวจึงต้องใช้เวลาและจะเป็นแบบนี้ไปอีก 2-3 ปี จึงจำเป็นต้องมีสายการบินใหม่เข้ามาให้บริการ สายการบิน Really Cool จึงใช้จังหวะนี้ในการเปิดตัวธุรกิจการบินเส้นทางระหว่างประเทศ ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวขาเข้า (inbound) จากต่างประเทศ 70%
อีกทั้งเป็นการช่วยสร้างเศรษฐกิจไทย เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ประเทศเป็นสัดส่วน 30% ของจีดีพี
แม้อุตสาหกรรมการบินจะมีความท้าทาย แต่คุณพาที มั่นใจว่า Really Cool จะเป็นสายการบินที่สร้างประสบการณ์เดินทางที่แตกต่างออกไปและเป็นการเริ่มต้นพิสูจน์ฝีมือนักบริหารในธุรกิจการบินอีกครั้ง
“ชื่อเสียงของตระกูลสารสิน ผมจะไม่ทำพัง การกลับมาทำสายการบิน Really Cool ครั้งนี้ ต้องทำให้สำเร็จ เป็น Legacy และ Sustainable”
อ่านเพิ่มเติม