“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มที่อยู่อาศัย จากนั้นต่อจิ๊กซอว์สร้างอาณาจักรครบวงจร ทั้งโรงแรม พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน คลังสินค้า และธุรกิจใหม่เกาะเมกะเทรนด์ดูแลสุขภาพในกลุ่มเฮลท์แคร์
การก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 ในปีนี้ “ออริจิ้น” ทำที่อยู่อาศัยไปแล้ว 123 โครงการ มูลค่ารวม 1.85 แสนล้านบาท, โรงแรม ศูนย์การค้า และสำนักงานเช่า 21 โครงการ จำนวน 5,705 ห้องพัก มูลค่ารวม 27,270 ล้านบาท ธุรกิจบริหารโครงการหลังการขาย 125 โครงการ จำนวน 31,000 ครอบครัว หรือ 70,000-80,000 คน
โดย “ออริจิ้น” เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2558 จากนั้นสเกลธุรกิจในเครือให้เติบโต เพื่อ Spin-off เข้าตลาดฯ เริ่มจาก “บริทาเนีย” ผู้พัฒนาอสังหาฯ แนวราบ ในปี 2564 ตามด้วย “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” ธุรกิจบริหารโครงการที่อยู่อาศัย ในปี 2565 ปัจจุบันทั้ง 3 บริษัทมีมาร์เก็ตแคปรวม 50,000 ล้านบาท
เป้าหมายของ “ออริจิ้น” ในอีก 4 ปีจากนี้จะผลักดันมาร์เก็ตแคปให้ได้ 100,000 ล้านบาท โดยเตรียม Spin-off อีก 4 บริษัท IPO เข้าตลาดฯ
– ปี 2566 One Origin ธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก และออฟฟิศ จะเริ่มไฟลิ่งไตรมาส 2 และขายหุ้นไตรมาส 4 ปีนี้
– ปี 2567 UPM หรือ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด (บริษัทของพรีโม) ทำธุรกิจบริหารงานโครงการและบริหารงานก่อสร้าง ธุรกิจด้าน Engineering Service หรือบริการที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม และ ESG
– ปี 2568 Alpha หรือ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด (บริษัทร่วมทุน JWD) ทำธุรกิจคลังสินค้า โรงงานเช่า โลจิสติกส์พาร์ค วางเป้าหมายสร้างพื้นที่อุตสาหกรรมให้เช่า 1 ล้านตารางเมตร
– ปี 2569 Origin Healthcare ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ เป็นธุรกิจที่เติบโตตามเมกะเทรนด์การดูแลสุขภาพและสังคมสูงวัย ให้บริการโรงพยาบาลเฉพาะทาง, ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ-กายภาพ, คลินิคความงาม เป็นต้น
ชูกลยุทธ์ ‘สมาร์ทซิตี้’ ขนธุรกิจในเครือเจาะเมืองหลัก
คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่าวิสัยทัศน์ของ “ออริจิ้น” ต้องการขยายธุรกิจ ไม่ใช่เพียงกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่ครอบคลุมถึงเมกะเทรนด์ และธุรกิจใหม่ๆ ดังนั้นแผนธุรกิจในปี 2566 จะสร้างการเติบโตแบบไม่สิ้นสุด ภายใต้แนวคิด “Origin Infinity” พัฒนาเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้กลายเป็น Well-Being Lifetime Company
หากดู Global Trends ในธุรกิจอสังหาฯ สถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทำให้เกิดพฤติกรรม Work from home หรือ Work from anywhere ถือเป็นโอกาสที่จะกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัย การเช่าที่พัก การอยู่โรงแรมระยะยาวในประเทศไทย รวมทั้งเทรนด์การดูแลสุขภาพ Health & Wellness ทั้งคนไทยและต่างชาติ และการก้าวสู่สังคมสูงวัยของหลายประเทศ ทำให้ประเทศไทย สามารถเป็น Retirement of the world ของกลุ่มเกษียณการทำงาน
“ออริจิ้น” จึงเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจอสังหาฯ ไม่เพียงกรุงเทพฯ แต่รวมถึงตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะเมืองหลักด้านท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม จึงใช้โมเดลการขยายธุรกิจพัฒนาโครงการครบวงจรในรูปแบบ “ออริจิ้น สมาร์ทซิตี้” โดยมีทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัย บ้านจัดสรร คอนโด โรงแรม รีเทล ธุรกิจเวลเนส เพื่อเจาะตลาดไทยและต่างประเทศ
ทีผ่านมาได้เปิดพัฒนาโครงการสมาร์ทซิตี้ ไปแล้วในทำเลแหลมฉบัง ศรีราชา มูลค่า 5,000 ล้านบาท ขายหมดแล้ว, ระยอง มูลค่า 10,000 ล้าน ขายแล้ว 70% และรามอินทรา มูลค่า 4,500 ล้านบาท ขายแล้ว 90% โดยทั้ง 3 โครงการถือเป็น Success Story ของคอนเซ็ปต์ “สมาร์ทซิตี้”
ปี 2566 จะลงทุนโครงการสมาร์ทซิตี้ อีก 5 ทำเล คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา (เขาใหญ่ โคราช) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และภูเก็ต ในบางทำเลมีโครงการที่อยู่อาศัยไปลงทุนแล้ว จะขยายเพิ่มส่วนโรงแรม รีเทล เวลเนส
สำหรับแผนลงทุนทั้งเครือออริจิ้นปีนี้ เตรียมเปิดโครงการทั่วประเทศ 60 โครงการ รวมมูลค่า 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
– ที่อยู่อาศัย คอนโด 22 โครงการ มูลค่า 27,500 ล้านบาท และบ้านจัดสรร 20 โครงการ มูลค่า 22,500 ล้านบาท
– โรงแรมและสำนักงาน 11 โครงการ มูลค่า 25,500 ล้านบาท
– คลังสินค้า 7 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท
– ธุรกิจบริการและเฮลท์แคร์
สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย ปี 2566 เป็นการเปิดโครงการใหม่และเป้าหมายรายได้ All time high
– เปิดโครงการใหม่มูลค่า 50,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% (บ้านจัดสรร 45% และคอนโด 55%)
– ยอดขายที่อยู่อาศัย 45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
– ยอดโอน 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% (เป็นโครงการร่วมทุน (JV) 50% ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฮ่องกง)
– รายได้ 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%
การเปิดโครงการคอนโด ของออริจิ้น อยู่ภายใต้ 5 แบรนด์หลัก
1. Park Origin ทำเล CBD เจาะกลุ่มไฮเอนด์ ราคามากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร
2. So Origin ทำเลเมืองมีบริการแบบโรงแรม ราคา 120,000-200,000 บาทต่อตารางเมตร ปีนี้มี 5 โครงการ ทำเล ศิริราช สุขุมวิท ลาซาล เขาใหญ่ และภูเก็ต
3. Origin Place แบรนด์ใหม่ เจาะ Gen Y ทำเลอนาคตเข้าเมืองง่าย ราคา 80,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร ปีนี้มี 5 โครงการ ทำเล พหลฯ 59 รามคำแหง 153 เพชรเกษม 56 เชียงใหม่ และหัวหิน
4. Origin Play เจาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ราคา 80,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร ปีนี้มี 3 โครงการ ทำเล ศรีลาซา ปิ่นเกล้า และแจ้งวัฒนะ
5. The Origin กลุ่มอีโคโนมี่ เน้นทำเลปริมณฑลและต่างจังหวัด ราคา 50,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร เริ่มต้น 9.9 แสนบาทต่อยูนิต เจาะกลุ่มคนเริ่มต้นทำงาน และนักลงทุนหน้าใหม่ ปีนี้เปิด 7 โครงการ มูลค่า 6,070 ล้านบาท ทำเล บางแค บางพลี บางปะกง ขอนแก่น ภูเก็ต พัทยา และบางแสน
แผนการขยายธุรกิจกลุ่มโรงแรมและค้าปลีกของ One Origin จะไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มที่อยู่อาศัย คือบุกทำเลภูมิภาคเมืองท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ ขอนแก่น หัวหิน ชลบุรี ภูเก็ต รวมทั้งขยายเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ
สิ้นปี 2566 จะมีโครงการโรงแรมและค้าปลีกเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 7 โครงการ จากเดิม 6 โครงการ รวม 13 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท
ส่วนแผนลงทุนใหม่ในอนาคตมีอีก 11 โครงการทั้งโรงแรมและรีเทล มูลค่า 25,000 ล้านบาท ทำเลเช่น รามอินทรา สนามเป้า บางนา และศรีราชา รวมทั้งในทำเลที่กลุ่มคอนโด เข้าไปลงทุน ทั้งหัวหิน พัทยา เขาใหญ่ และภูเก็ต
ไฮไลต์ธุรกิจ “เฮลท์แคร์” เกาะเมกะเทรนด์
สำหรับธุรกิจใหม่ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของออริจิ้นในปีนี้ คือ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ภายใต้บริษัท Origin Healthcare เป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตตามเมกะเทรนด์ Health & Wellness
โมเดลการขยายธุรกิจของ “ออริจิ้น เฮลท์แคร์” จะเป็นธุรกิจที่อยู่ในทุกธุรกิจในเครือออริจิ้น ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย คอนโด บ้านเดี่ยว โรงแรม ค้าปลีก ออฟฟิศ โดยมี 3 บิสซิเนส โมเดล
1. Health Club เข้าไปให้บริการในโครงการที่อยู่อาศัยของออริจิ้น เพื่อดูแลสุขภาพของลูกบ้านทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ การขายอาหารและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ในปี 2566 เปิด 2 โครงการ
2. Mediplax กลุ่มบริการหลากหลายด้วยรูปแบบ “สหคลินิค” โดยจะเปิดทั้งในโครงการออริจิ้นและพื้นที่ที่มีศักยภาพ แหล่งชุมชน โดยมี 7 ธุรกิจ ในรูปแบบคลินิคคือ ความงามและสุขภาพ การดูแลเส้นผม ทันตกรรม ดูแลสุขภาพจิตใจ (mental & mind) คลินิคสัตว์เลี้ยง ร้านขายยา บริการสปาและสปอร์ต ปี 2566 เปิดรวม 22 โครงการ เน้นขยายไปกับโครงการในเครือออริจิ้น
3. โรงพยาบาลเฉพาะทางและศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ โดยมองว่าเทรนด์ธุรกิจเฮลท์แคร์จะเปิดให้บริการด้วยขนาดเล็กลง เพื่อเข้าไปให้บริการในชุมชน ทำให้การดูแลสุขภาพเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มผู้สูงวัย ดังนั้นจึงไม่ทำโรงพยาบาลขนาดใหญ่ แต่จะเป็นรูปแบบโรงพยาบาลเฉพาะทางขนาด 50 เตียง รวมทั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยฟื้นฟู โดยเฉพาะกลุ่มสูงวัย หลังการรักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจ กระดูกและข้อ และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุวัยเกษียณ ปีนี้เปิดโรงพยาบาลเฉพาะทาง 1 โครงการ
ธุรกิจของกลุ่มเฮลท์แคร์ จะขยายไปพร้อมกับเครือออริจิ้นที่จะไปบุกในต่างจังหวัดด้วย ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ ขอนแก่น เขาใหญ่ นิคมอมตะ ศรีราชา พัทยา หัวหิน ภูเก็ต ปี 2566 คาดว่าจะมีรายได้ 250 ล้านบาท จากธุรกิจที่ให้บริการรวม 25 โครงการ
วางแผนปี 2568 มีธุรกิจเฮลท์แคร์ให้บริการ 55 โครงการ คาดการณ์รายได้ 500 ล้านบาท จะนำบริษัทเข้าตลาดฯ ในปี 2569 หรือเป็นบริษัทที่ 7 ของออริจิ้น ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เพื่อผลักดันให้มาร์เก็ตแคปเครือออริจิ้นแตะ “แสนล้าน”