บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC หนึ่งในธุรกิจของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ที่บริหารโดย คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นสามัญของ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BRC ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) และนำหุ้นสามัญ BRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“บิ๊กซี” ถือเป็นบริษัทเรือธง (Flagship Company) ของ BJC ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง การสั่งผลิต การนำเข้าและส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
โดยกำหนดสัดส่วนหุ้น IPO บิ๊กซี จำนวนไม่เกิน 29.98% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของบิ๊กซี ภายหลังการเพิ่มทุนและการออกและเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งรวมจำนวนหุ้นสามัญที่จะจัดสรรให้แก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) (หากมี) ดังนั้นมูลค่าสินทรัพย์ที่จำหน่ายไปจะไม่เกิน 37,530 ล้านบาท
หลังการเสนอขายหุ้น IPO บิ๊กซี BJC ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และบิ๊กซี มีสถานะเป็นบริษัทย่อยเช่นเดิม
แผนการนำ “บิ๊กซี” เข้าตลาดฯ ทำให้ BJC มีสัดส่วนการถือหุ้นในบิ๊กซีลดลง (Dilution) จากเดิมถือหุ้น 100% จะเหลือไม่ต่ำกว่า 70.02%
โดยบิ๊กซี หรือ BRC มีทุนจดทะเบียน 87,135,026,800 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 8,713,502,680 หุ้น และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 87,135,026,800 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 8,713,502,680 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
.
หลังบิ๊กซี IPO BJC จะถือหุ้นในบิ๊กซี 8,713,502,678 หุ้น สัดส่วน 70.02% และประชาชนทั่วไป 3,729,999,999 หุ้น สัดส่วน 29.98% รวมเป็นจำนวน 12,443,502,679 หุ้น
ผลประกอบการบิ๊กซี
– ปี 2564 รายได้รวม 111,107 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,333 ล้านบาท
– ปี 2565 รายได้รวม 113,573 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,757 ล้านบาท
สำหรับเงินระดมทุนจากการเพิ่มทุนและการออกและการเสนอขายหุ้น IPO ของบิ๊กซี บางส่วนจะนำไปจ่ายหนี้กู้ยืม และนำไปขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ