HomeBrand Move !!ถึงเวลาบุกอาเซียน! กรุงศรีเปิดกลยุทธ์ 2023 หวังสร้างรายได้จาก “ทั้งภูมิภาค” แตะ 10%

ถึงเวลาบุกอาเซียน! กรุงศรีเปิดกลยุทธ์ 2023 หวังสร้างรายได้จาก “ทั้งภูมิภาค” แตะ 10%

แชร์ :

กรุงศรีเปิดกลยุทธ์ปี 2023 บุกตลาดอาเซียน – เดินหน้าสินเชื่อ ESG – ยกทัพเทคโนโลยี ดันรายได้สุทธิจากการดำเนินงานในอาเซียนเป็น 10% พร้อมตั้งเป้าเงินให้สินเชื่อเติบโต 3.5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.5% และ NPL อยู่ที่ 2.5 – 2.6%

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การออกมาเปิดเผยถึงกลยุทธ์ปี 2023 ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป หรือ MUFG ครั้งนี้ พบว่า มีการให้ความสำคัญใน 3 ด้านหลัก ๆ ได้แก่

  • การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) ผ่านนวัตกรรมบริการด้านการเงิน
  • การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนตามโมเดล ESG (ESG-Linked Business)
  • การพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital & Innovation) เพื่อลูกค้าทั้งในประเทศไทยและอาเซียน

บุกอาเซียน ภารกิจ 2023

Pairote Cheunkrut, Chief Strategy Officer at BAY 2

คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร

สำหรับกลยุทธ์ในการบุกตลาดอาเซียนนั้น คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร เปิดเผยว่า เป็นการดำเนินการภายใต้ชื่อ One Krungsri หลังจากที่ผ่านมา มีการขยายกิจการของกรุงศรีไปทั่วภูมิภาคอาเซียนแล้ว (ตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน) ได้แก่

  • การร่วมมือทางธุรกิจกับ SB Finance ประเทศฟิลิปปินส์
  • การร่วมมือกับ SHB Finance ประเทศเวียดนาม
  • การยกระดับ Hattha Bank ในประเทศกัมพูชาขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์

นอกจากนี้ กิจการในอินโดนีเซีย สปป.ลาว ก็มีระดับการเติบโตที่ดี เช่นเดียวกับในมาเลเซีย และสิงคโปร์ จึงทำให้ภาพรวม กรุงศรีสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้นกว่า 150,000 ราย และกรุงศรีมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนเพิ่มจาก 3% ในปี 2020 เป็น 6% ในปี 2022 และคาดว่าจะมีรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนเป็น 10% ในปีนี้ (2023) ด้วย

คุณไพโรจน์ได้กล่าวถึงจุดแข็งของธนาคารกรุงศรีในการบุกตลาดอาเซียนครั้งนี้ว่า การมีพาร์ทเนอร์ในประเทศต่าง ๆ ทำให้ธนาคารสามารถเชื่อมโยงกับประเทศอื่น ๆ ได้ รวมถึงสามารถให้คำปรึกษาทางธุรกิจแก่ลูกค้าในภูมิภาคได้นั่นเอง

เป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน

Prakob Phiencharoen, Head of Corporate and Investment Banking Group at BAY 2

คุณประกอบ เพียรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิ

อีกหนึ่งเทรนด์ที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญมากขึ้นก็คือเรื่องของความยั่งยืน ซึ่งในส่วนของธนาคารกรุงศรีก็มีเป้าหมายในด้านดังกล่าวเช่นกัน คุณประกอบ เพียรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ได้อธิบายถึงแผนด้านความยั่งยืนของกรุงศรีว่า มีโครงการที่กรุงศรีเป็นผู้ริเริ่มและประสบความสำเร็จ เช่น โครงการ Krungsri x SET Care the Whale  โครงการ Zero Food Waste และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ RE100 Thailand Club หรือสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย

ส่วนในปีนี้ ทางธนาคารจะให้การสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนผ่านและดำเนินงานตามแนวทาง ESG ได้สะดวกขึ้น รวมถึงการให้เงินสนับสนุนกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน เช่น หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ จุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และพลังงานทดแทน รวมถึงสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสีเขียว ธุรกิจเพื่อสังคม และธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

“จะมีการนำ ESG ไปอยู่ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของธนาคาร เช่น การเลือกกองทุนมานำเสนอลูกค้า หรือการมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าที่ซื้อ – ใช้บริการในลักษณะดังกล่าว เช่น หากซื้อ Plant-Based Food ก็อาจได้พอยต์เพิ่ม เป็นต้น”

ทั้งนี้ ภายใต้การประกาศวิสัยทัศน์ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ธนาคารมีเป้าหมายจะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนเป็น 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2030 เลยทีเดียว

อัปเกรดดิจิทัล เพิ่ม Innovation

Sayam Prasitsirigul,

คุณสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล

แกนที่ 3 ที่ผู้บริหารกรุงศรีเผยว่าต้องให้ความสำคัญคือแกนในด้านดิจิทัล โดยคุณสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล เผยว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการเปิดโครงการนำร่องสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลกลาง (CBDC) ภาคประชาชนและภาคธุรกิจที่จะเปลี่ยนอนาคตของการชำระเงินดิจิทัล  และกรุงศรีเป็นหนึ่งในสองธนาคารพาณิชย์ของไทยที่ได้รับเลือกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยในการเข้าร่วมโครงการนำร่องสกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชนดังกล่าว

ส่วนจุดแข็งของกรุงศรีคือการชำระเงินแบบ Crossborder ด้วย QR Code ที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ที่สามารถสร้าง QR Code ได้จากแอป KMA เพื่อชำระเงินค่าสินค้า – บริการในญี่ปุ่นได้แล้ว และในปีนี้ คุณสยามเผยว่า จะเริ่มขยายไปสู่สถานที่ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น สถานีรถไฟของ Japan Rail, Tokyo Tower เป็นต้น

อีกหนึ่งด้านที่กรุงศรีจะเดินหน้าในปี 2023 คือจะมีการอัปเกรดเทคโนโลยี API ใหม่ ซึ่ง API ใหม่นี้จะทำให้กรุงศรีสามารถให้บริการในลักษณะ Banking as a service (BaaS) ได้ดีขึ้น เช่น สามารถผนวกบริการ e-KYC, การอนุมัติสินเชื่อ, การเปิดบัญชี e-saving ฯลฯ ให้กับพาร์ทเนอร์ได้ใช้งานได้ จากเดิมที่เป็นบริการในส่วนของ Payment เป็นหลัก รวมถึงมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม เพื่อลดโอกาสการเกิดแอปล่ม (ปี 2021 เกิดปัญหาแอปล่ม 6 ครั้ง และลดลงเหลือ 3 ครั้งในปี 2022)

คุณสยามยังได้กล่าวต่อไปว่า จะมีการพัฒนาให้แอปของกรุงศรีเช่น KMA, Go, U Choose, Kept ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้นด้วย

ส่วนในแง่ของการสร้างคนสายเทคโนโลยีนั้น ก็จะมีการเปิด Innovation center ในจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากเชียงใหม่ เช่น นครราชสีมา หรือขอนแก่น โดยตอนนี้ Innovation center ของกรุงศรีมีโปรเจ็คที่อยู่ระหว่างการพัฒนาแล้ว 17 โครงการ และการมี Innovation center ทำให้ลดเวลาการพัฒนาโปรดักท์ใหม่ ๆ ลงเหลือ 6 – 9 เดือน

ซีอีโอกรุงศรีชี้วิธีรับมือเศรษฐกิจไทย “ต้องปรับตัว”

Seiichiro Akita, President and Chief Executive Officer at Bank of Ayudhya Public Company Limited

คุณเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)

จากภาพรวมทั้งหมดนี้ คุณเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายจากการที่ประเทศเศรษฐกิจหลักกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลจากการเปิดประเทศของจีนที่ยังคงไม่ชัดเจนนัก แต่อุปสงค์ในภาคบริการน่าจะเติบโตเร็วขึ้นกว่าอุปสงค์ต่อสินค้า การเติบโตของเศรษฐกิจในอาเซียนชะลอตัวลงอยู่ที่ 4.9% ในปี 2023 จาก 5.3% ในปี 2022 แต่ยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด”

“นอกจากประเทศไทยแล้ว ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมีการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งข้อตกลงการค้าเสรีที่รวมถึง RCEP และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้ามา ด้วยกลยุทธ์ของกรุงศรี เราหวังที่จะก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปได้ และจะอาศัยข้อได้เปรียบจากโอกาสต่าง ๆ ที่มีในอาเซียนโดยการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และเสนอโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยทั่วภูมิภาค”

ทั้งนี้ กรุงศรีคาดว่าในปี 2023 เงินให้สินเชื่อจะเติบโตที่ 3-5% และตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.5% ซึ่งคาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income) จะยังอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ราว 2.5-2.6%   

 


แชร์ :

You may also like