HomeBig Featuredจับตาบิ๊กโปรเจกต์ “ค้าปลีก” ปี 66 “เดอะมอลล์-เซ็นทรัล-สยามพิวรรธน์”ลุยเปิดศูนย์ฯใหม่รับรีเทลขาขึ้น

จับตาบิ๊กโปรเจกต์ “ค้าปลีก” ปี 66 “เดอะมอลล์-เซ็นทรัล-สยามพิวรรธน์”ลุยเปิดศูนย์ฯใหม่รับรีเทลขาขึ้น

แชร์ :

retail2023

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่หลายอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณฟื้นอย่างเห็นได้ชัด จากวิกฤตหลายอย่างที่เริ่มชะลอตัว ที่น่าจับตาคือ “ภาคค้าปลีก” มูลค่าหลายแสนล้านบาทของไทย ที่เริ่มมองเห็นสัญญาณฟื้นตัวอีกครั้ง หลังคลายล็อกเปิดประเทศตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคการท่องเที่ยวและบริการ เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยตลอดช่วงครึ่งปีหลัง (2565) ได้เห็นความเคลื่อนไหวในแวดวงค้าปลีก ทั้งการเปิดตัวศูนย์ใหม่ และรีโนเวตที่เดิมเป็นจำนวนมาก ทำให้น่าจับตาว่าในปี 2566 นี้ภาคค้าปลีกโดยเฉพาะศูนย์การค้าของไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ข้อมูลจาก ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ระบุอีกว่า ธุรกิจการค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์  คือหนึ่งในธุรกิจที่ติดโผ 1 ใน 6 ธุรกิจดาวรุ่งประจำปี 2566 เนื่องจากภาพค้าปลีกในทุกช่องทาง สามารถตอบสนอง Journey ผู้บริโภคสมัยใหม่ สอดคล้องกับ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เผยบทวิเคราะห์แนวโน้มตลาดค้าปลีก ปี 2566 คงให้ภาพที่ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง แต่การดำเนินธุรกิจยังคงเป็นไปด้วยความระมัดระวัง ท่ามกลางค่าครองชีพและกำลังซื้อที่ยังคงกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยคาดว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกปี 2566 จะขยายตัวอยู่ที่ราว 2.8% – 3.6% เป็นผลมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะภายหลัง “จีนประกาศเปิดประเทศ” ให้คนในชาติสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ในรอบหลายปี และไทยก็กลายเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศที่ชาวจีนต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดร่วมกับ ญี่ปุ่น และ เกาหลี นั่นทำให้ภาคค้าปลีกเริ่มตั้งรับ พร้อมทั้งปั้นแม็กเนตใหม่ๆมาปลุกกำลังซื้อของชาวจีนอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมา “ลูกค้าชาวจีน” คือกลุ่มเป้าหมายที่จับจ่ายหนักแบบไม่อั้น และสัดส่วนมากกว่า 50% จากกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด

ทำให้ในปี 2566 ธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ เตรียมพร้อมที่จะรองรับการจับจ่ายของลูกค้าทุกรูปแบบ โดยเฉพาะพี่ใหญ่แห่งวงการค้าปลีก ทั้ง “เดอะมอลล์-เซ็นทรัล-สยามพิวรรธน์” ก็เตรียมพร้อมอย่างหนัก ด้วยการเผยโฉมโครงการใหม่ที่จะเปิดบริการในปี 2566 นี้ รองรับความต้องการพร้อมทั้งกระตุ้นดีมานด์จากกลุ่มเป้าหมายไทย-เทศ ที่ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้า หากแต่คือการปั้น “ย่าน” และ “ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์” ที่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันสมัยใหม่มากขึ้น

BrandBuffet พาอัพเดทบิ๊กโปรเจกต์ใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นใน 2566 นี้ จากบิ๊กเนมในแวดวง ที่เดินหน้าพัฒนาโมเดลใหม่ รีโนเวตสาขาเดิม ไว้รอวันที่สัญญาณค้าปลีกฟื้นตัวพร้อมทะยานเป้าการเติบโตอีกครั้ง หลังในปีที่ผ่านมาได้เห็นแม้จะไม่ใช่ปีทองของธุรกิจค้าปลีกมากนัก แต่ก็ได้เห็นโปรเจ็กไฮไลท์จากหลายค่าย ที่พัฒนาโครงการใหม่เพื่อบุกตลาดมาแล้วมากมาย

 

เดอะมอลล์ เปิด 3 ศูนย์รวด รับปีทองค้าปลีกฟื้นจากโควิด

เริ่มต้นในปี 2566 กับ “กลุ่มเดอะมอล์” หลังประกาศว่าปี 2566 คือปีทองของทางกลุ่ม ด้วยการเตรียมปล่อยเปิดรวดเดียว 3 สาขา ในแต่ละมุมเมือง มีพื้นที่รวมกันเกือบ ๆ ล้านตารางเมตร กับจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย “ดิ เอ็มสเฟียร์” ของอภิมหาโปรเจกต์ของทางค่ายที่จะมาเติมเต็มโครงการ “ดิ เอ็มดิสทริค” โดยจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมปี 2566  แว่วๆว่ามูลค่าการลงทุนน่าจะมากกว่า 16,000 ล้านบาท เป็นการเสริมขุมกำลังในย่าน “สุขุมวิท” ที่ทางค่ายมี “เอ็มโพเรี่ยม” และ “ดิ เอ็มควาเทียร์” ยึดหัวหาดอยู่แล้ว ให้เป็นย่านช้อปปิ้งระดับโลก ที่เจาะทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูง

 

 Emphere

“ดิ เอ็มสเฟียร์” อภิมหาโปรเจ็คของเดอะมอลล์ที่จะมาเติมเต็มโครงการ “ดิ เอ็มดิสทริค”เตรียมเปิดในปีหน้า

 

ตามมาด้วยอีก 2 สาขาเรือธงยอดขายท็อป 3 ของทางค่ายอย่าง “เดอะมอลล์ บางกะปิ” และ “เดอะมอลล์ บางแค” หลังปีที่ผ่านมาได้ประกาศรีโนเวตใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นศูนย์การค้าครบวงจร mega all-in-one retail & entertainment project พื้นที่รวมกว่า 700,000 ตารางเมตร (บางกะปิ 350,000 ตารางเมตร, บางแค 350,000 ตารางเมตร) เป็นการแต่งตัวใหม่ในรอบกว่า 30 ปีที่ก่อตั้ง เดอะมอลล์ ทั้ง 2 สาขา ทั้งนี้เพื่อสร้างความแปลกใหม่ เพิ่มความทันสมัย อีกทั้งยังเป็นการรองรับการแข่งขันของค้าปลีกภายในย่านนั้นๆที่เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เป้นอย่างดี

“คุณแอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช”  แม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรเดอะมอลล์ เคยกล่าวไว้ในงานแถลงข่าวรีโนเวตสาขาบางกะปิ-บางแคว่า “ปีหน้าจะเป็นปีทองของอาณาจักรเดอะมอลล์ ที่จะเปิดศูนย์การค้าถึง 3 แห่งในปีเดียว แต่ยังถือเป็นปีทองของค้าปลีก เพราะตั้งแต่ปลายปีเป็นต้นไปถือเป็นช่วงการจับจ่ายสำคัญ ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น การคลายล็อกของจีนที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า ทั้งหมดคือสัญญาณบวกในธุรกิค้าปลีกไทย ที่น่าจับตาดังนั้นการเปิดศูนย์ฯของเดอะมอลล์เอง หรือแม้กระทั่งผู้เล่นรายอื่นถือเป็นการเตรียมพร้อมรับเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว”

นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ทาง “เดอะมอลล์” จับมือกับ “สยามพิวรรธน์”  ในการรีโนเวตครั้งใหญ่ในรอบ 17 ปี โดยมีเป้าหมายคือ “เพื่อทำให้คนอยากมา และพร้อมฝ่าระติดมาช้อปปิ้งใช้บริการที่นี่ให้ได้” โดยพร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 เช่นกัน

“เซ็นทรัล” กับโปรเจ็กยักษ์ครอบคลุมทุกมุมเมือง

เมื่อพูดถึง “ธุรกิจค้าปลีก” จะไม่พูดถึงอาณาจักร “เซ็นทรัล” ที่มี “เซ็นทรัลพัฒนา” เป็นธุรกิจเรือธงหลักในการพัฒนาศูนย์การค้าในเครือที่มีอยู่กว่า 38 แห่งทั่วประเทศ ก็เห็นจะเป็นไปไม่ได้ แน่นอนในฐานะพี่ใหญ่ที่คร่ำหวอดมานานจากนี้ไปเซ็นทรัลพัฒนาเดินหน้าลงทุนโปรเจ็กต์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังปีที่ผ่านมาเปิดตัวสุนย์การค้าใหม่ในเครือโดยเฉพาะในต่างจังหวัดมาแล้วแบบนับไม่ถ้วน และที่น่าจับตาในปีนี้ ประกอบไปด้วย

“เซ็นทรัล รามอินทรา โฉมใหม่” ที่เตรียมเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2566 นี้ กับการเปลี่ยนชื่อจาก “เซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา” เป็น “เซ็นทรัล รามอินทรา” (หลังมีการรีแบรนด์ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลปีที่ผ่านมา) ด้วยงบลงทุน 1,600 ล้านบาท พื้นที่โครงการบนที่ดิน 10 ไร่ ที่จะมาพร้อม Brand Identity ใหม่ สอดคล้องกับการรีแบรนด์ของเซ็นทรัลพัฒนา และศูนย์การค้าในเครือ

 

central ramindra

“เซ็นทรัล รามอินทรา โฉมใหม่” ที่เตรียมเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2566 นี้ (ภาพจาก FB:Central Ramindra )

 

โดยที่นี่จะพัฒนาให้เป็น “Third Place” เพื่อเป็น “New Urbanized Community” ของคนในย่านรามอินทรา รองรับเมืองที่ขยายตัว, การเพิ่มขึ้นของประชากรในย่าน รวมถึงรองรับระบบคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะการมาของรถไฟฟ้า ด้วยจุดเด่น 3C’s คือ Convenient, Connected และ Comfortable for everyday life ทำให้ผู้คนในย่านนี้ได้ความสะดวกสบายมากขึ้นกับร้านค้ากว่า 200 ร้านค้า เพื่อเป็น Destination หลากหลาย ทั้ง Family Destination,Sports Destination  

 

“เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ราชพฤกษ์” อีกหนึ่งโปรเจ็กไฮไลท์ในรูปแบบห้าง Semi-Outdoor ด้วยมูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาท ในบรรยากาศน้ำตกฉ่ำเย็น พาสัตว์เลี้ยงเดินเล่นได้ บนพื้นที่ 40 ไร่ พลิกโฉมค้าปลีกกรุงเทพตะวันตก รับกำลังซื้อในย่าน มีจุดมุ่งหมายเพื่อเจาะทำเลราชพฤกษ์เชื่อมตรงสู่ Bangkok CBD บนที่ดิน 40 ไร่ พื้นที่ GFA 93,000 ตร.ม. สู่การเป็นย่านใหม่ Reinventing the Neighborhood ซึ่งจะเป็นการยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ให้เป็นย่าน Upper-Class Lifestyle

 

central westvill

“เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ราชพฤกษ์” โปรเจ็กไฮไลท์จาก “เซ็นทรัลพัฒนา” ด้วยงบลงทุนกว่า 6,200 ล้านบาท

 

มีจุดเด่น ได้แก่ The Evolution of Semi-Outdoor Retail Model จากเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ผสมผสานพื้นที่สีเขียวเป็น Green Park ของเมือง รวมถึงมีพื้นที่กิจกรรมเอาท์ดอร์สำหรับครอบครัวและ Pet Friendly Space เพิ่มขึ้น รวมถึงการเป็น Eco-Friendly Mall ตอบรับ Emerging Lifestyle ด้วย Urban & Outdoor Activities ที่ทำได้ตลอดทั้งวันแบบ Day-to-Night โดยคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 4 ปี 2566

 

ต่อกันที่อีกหนึ่งบริษัทในเครือเซ็นทรัล อย่าง “ซีอาร์ซี” อีกหนึ่งรีเทลในเครือเซ็นทรัลที่ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อทะยานเบอร์ 1 ค้าปลีกภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่นับรวมโปรเจ็กใหม่ที่ทางค่ายกำลังซุ่มพัฒนาในขณะนี้ เบื้องต้นในปี 2566 ทางค่ายได้เตรียมเปิดบริการห้างฯ หลังปรับปรุงใน 4 สาขา ได้แก่  ห้างเซ็นทรัลชิดลม,ห้างโรบินสัน แฟชั่นไอส์แลนด์ ,ห้างเซ็นทรัล เมกะบางนา ทั้งหมดล้วนเป็นสาขาหลักของทางค่าย ที่สามารถทำยอดขายได้ลำดับต้นๆ เป็นการปรับปรุงให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการ พร้อมทั้งเป็นการปลุกดีมานด์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

 

“สยามพิวรรธน์” กับไอคอนสยาม (ICS) เฟส 2 สร้างความเข้าถึงมากขึ้น

 

และสุดท้ายกับอีกหนึ่งบิ๊กโปรเจ็ก จากฝั่ง “สยามพิวรรธน์”จ้าของโครงการแลนด์มาร์กค้าปลีกระดับโกลอย่าง “ไอคอนสยาม ” ที่ได้จับมือกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด  ร่วมลงทุนใหม่อีกครั้ง “ไอคอนสยาม เฟส 2” ที่มาพร้อมชื่อโครงการ “ไอซีเอส” หรือ ICS มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ แห่งใหม่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท พื้นที่ 5 ไร่ (ฝั่งตรงข้ามไอคอนสยาม เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าเจริญนคร BTS สายสีทอง)

สำหรับโครงการ “ไอซีเอส” (ICS) มาพร้อมรูปแบบ “มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์” ที่จะเป็นแม็กเน็ตใหม่ย่านฝั่งธนฯ รวมพื้นที่ให้บริการรวม 70,000 ตารางเมตร เป็นอาคารสูง 29 ชั้น บนพื้นที่ 5-1-94 ไร่ มีพื้นที่รวม 70,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานในพื้นที่เดียวกันเป็นการต่อยอดจากไอคอนสยาม หลังเปิดให้บริการมากว่า 4 ปี มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะในพื้นที่กว่า 2 ล้านคน แบ่งเป็นลูกค้าในระดับ A และ B สัดส่วน 56% อายุ 31-50 ปี มาใช้บริการเดือนละ 2-3 ครั้ง

ทำให้ยังมีช่องว่างกลุ่มลูกค้าอีก 44% ที่สามารถขยายได้ ดังนั้นโครงการ ICS จึงเข้ามาเจาะฐานลูกค้าระดับ B ที่มีความแมสกว่าเป็นการเติมเต็มไอคอนสยามเดิม เข้าถึงได้ง่ายกว่า ไอคอนสยามเฟสแรก โดยได้ฤกษ์เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ 11 มกราคม 2566 นี้

 

ICS

โครงการ “ไอซีเอส” (ICS) “มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์” แม็กเน็ตใหม่ย่านฝั่งธนฯ เปิดให้บริการ11 มกราคม 2566 นี้

 

จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เหมือนกันของ “ห้างสรรพสินค้า-ศูนย์การค้า” ที่แต่ละค่ายเปิดตัวมานั้น  ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความเป็นศูนย์การค้าแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเติมเต็มประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ที่เปรียบเสมือนเมืองขนาดเล็กอีกเมืองหนึ่ง ให้ลูกค้าได้เสพความบันเทิงหรือการพักผ่อนหย่อนใจในรูปแบบง่ายๆ  อย่างการช็อปปิ้ง การชมภาพยนตร์ การหาอาหารรับประทาน หรือเพียงแค่ได้เดินตากแอร์ในห้างเท่านั้น และสร้างจุดแข็งในการเป็นแม็กเนตที่แตกต่างดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ แบบ One Stop Service เอาของที่อยู่ในพื้นราบมารวมกัน โดยมีทำเลยุทธ์ศาสตร์ที่แต่ละค่าประเมินแล้วว่า นั่นคือ Prime Area ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและเป็นจุดแข็งของตัวเอง

เมื่อรวมกับปัจจัยบวก พฤติกรรมลูกค้า ความสะดวกสบายที่ครบครัน ก็สามารถตอบโจทย์ ปลุกกำลังซื้อ พร้อมทั้งรองรับความต้องการในปี 2566 ที่หลายค่ายได้ออกมาประเมินว่าเป็นช่วงขาขึ้นของภาครีเทลขนาดใหญได้เป็นอย่างดี

 

 

อ่านเพิ่มเติม

บทสรุปโปรเจ็คไฮไลท์ค้าปลีกไทย ปี 2565 “เซ็นทรัล-โลตัส-ดองกิ-เทอร์มินอล” ผุดโมเดลใหม่ – ยึดทำเลทองเจาะลูกค้าทุกมุมเมือง


แชร์ :

You may also like