HomeBrand Move !!ถอดแนวคิด MR.D.I.Y.กับกลยุทธ์ “ล่าสมบัติ” เกมล่าราคา ทำอย่างไรให้นักช้อปซื้อเพลินเกิน 1 ชิ้น

ถอดแนวคิด MR.D.I.Y.กับกลยุทธ์ “ล่าสมบัติ” เกมล่าราคา ทำอย่างไรให้นักช้อปซื้อเพลินเกิน 1 ชิ้น

แชร์ :

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

มิสเตอร์ดี.ไอ.วาย. (MR.D.I.Y.)  ฉลองครบ 500 สาขาในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับร้านค้าปลีกสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านยักษ์ใหญ่สัญชาติมาเลเซีย หลังเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อ 2559   ประกาศเดินหน้ารุกตลาดเมืองไทยกางแผน 4 ปี ปูพรม 1,000 สาขา ภายใต้กลยุทธ์ “ล่าสมบัติ” เพิ่มความหลากหลายในการสร้างความเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

โดย MR.D.I.Y.  เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้านยอดขายจนสามารถขยายสาขา 500 แห่ง ใน 70 จังหวัด ด้วยระยะเวลาเพียง 6 ปี ประเทศที่มีสาขามากที่สุดคือประเทศแม่อย่างมาเลเซีย เนื่องจากเปิดมานานที่สุด ซึ่งมี MR. D.I.Y.  900 สาขา 

ด้วยจุดเด่นของความ convenience  ของสินค้าในชีวิตประจำวันที่มีความหลากหลาย คุ้มค่าคุ้มราคา เริ่มต้นราคาต่ำกว่า 5 บาท เรียกว่าตอบโจทย์สินค้าราคาถูกในยุคที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อเริ่มชะลอตัว  ทำให้ร้านเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย ส่งผลให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสุดของแบรนด์ โดยมีอัตราการขยายสาขาอยู่ที่ 100- 150 แห่งต่อปี นับเป็นสปีดที่สูงสุดของการขยายสาขาทั่วโลกที่มีการทำตลาดอยู่ ส่งผลประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม 51% ในแง่ของการขยายสาขา นับตั้งแต่ปี 2560  และหากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆตลาดไทยมีอัตราการขยายสาขาอยู่ที่ 25% 

“เกมล่าสมบัติ” เพิ่มความถี่ – กระตุ้นยอดซื้อ

สูตรความสำเร็จของร้าน MR.D.I.Y.  เกิดจาก 3  กลยุทธ์หลักที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องสินค้าและทำเล ได้แก่ ราคา (Always Low Prices) , ทำเล (Location) สะดวกสบาย ทุกที่ ใกล้บ้าน และความหลากหลายของสินค้า 

ขณะที่แนวคิด “เกมล่าสมบัติ” คือกลยุทธ์สำคัญที่ถูกทางดี.ไอ.วาย.นำมาใช้ในการเพิ่ม Basket Size และความถี่ในการเข้ามาใช้บริการของลูกค้า โดยการนำจุดเด่นจากการที่มีวาไรตี้ของสินค้าที่มีอยู่ถึง 18,000 รายการ นำมาจัดสรรบนพื้นที่สโตร์ที่มีขนาดตั้งแต่ 500-2,000 ตร.ม. วางบนเชลฟ์ภายในร้านอย่างสวยงาม เป็นหมวดหมู่  สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ลูกค้า เพิ่มแรงบันดาลใจให้ลูกค้าเดินเข้ามาสำรวจในร้าน เหมือนการเข้าไปเล่นเกมตามล่าหาสมบัติ

ภายในร้าน MR.D.I.Y.

 

ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์ด้านราคา ตามสโลแกน Always Low Prieces  ดึงดูดการจับจ่ายของลูกค้าที่แม้จะไม่ได้ตั้งใจซื้อหรือซื้อของที่ต้องการเพียง 1 ชิ้น ให้มีการจับจ่ายเพิ่มขึ้น โดยมีอัตรการเพิ่มเป็น 4-5 ชิ้นต่อหนึ่งใบเสร็จ และมียอดจับจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 220-250 บาทต่อบิล ขณะที่ความถี่ในการเข้ามาซื้อสินค้าก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีกลุ่มสินค้าขายดี 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอุปกรณ์ดูแลและตกแต่งบ้าน,ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์กีฬา

คุณแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์ดี.ไอ.วาย.ประเทศไทย กล่าวว่า ร้านมิสเตอร์ดี.ไอ.วาย.เริ่มต้นในปี 2548  ที่ประเทศมาเลเซีย เร่ิมต้นจากร้าน Hard Ware ขนาดเล็กที่เป็นธุรกิจครอบครัว จนนำมาสู่การบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ ในคอนเซปต์ร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่ขายสินค้าในชีวิตประจำวัน โดยปัจจุบันร้านมิสเตอร์ดี.ไอ.วาย มีสาขาแล้วกว่า 2,000 แห่ง ใน 10 ประเทศทั่วโลก ทั้งในภูมิภาคอาเซียน อย่าง บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา รวมไปถึงในยุโรปอย่างตุรกีและสเปน โดยมีเป้าหมายคือการสร้างค้าปลีกของอาเซียนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก

 

Andy Chin

คุณแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์ดี.ไอ.วาย.(ประเทศไทย)

แม้ MR.D.I.Y. จะประสบผลสำเร็จในแง่ความนิยมกับลูกค้าชาวไทยและทั่วโลกที่เข้าไปทำตลาดได้เป็นอย่างดี แต่รูปแบบการขยายสาขาทั่วโลกนับจากบริษัทจะเดินหน้าลงทุนเองทั้งหมด โดยไม่มีการขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก 

เปิด 3 โมเดล ปูพรม 1,000 สาขาทั่วไทย

ขณะที่การระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ปัญหาค่าครองชีพ ค่าพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลต่อกำลังซื้อทำให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น และยังสร้างความท้าทายในการทำธุรกิจไม่น้อย แต่จากจุดแข็งของหน้าร้านที่มีอยู่กว่า 2,000 แห่งทั่วโลก  ทำให้มีความได้เปรียบในแง่ของ economy of scale  หรือการสั่งซื้อสินค้าทีละจำนวนมาก ทำให้ยังสามารถบริหารจัดการด้านราคา และรอบการจัดส่งทีละจำนวนมากในการป้อนสาขาที่มีอยู่ได้ โดยไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาหรือปัญหาการขนส่งแต่อย่างใด

สำหรับในปีนี้ มิสเตอร์ดี.ไอ.วาย.ประเทศไทยยังเดินหน้าขยายสาขาในไทยอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น 150 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 500 แห่ง ใน 70 จังหวัด โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการขยายไปแล้วทั้งสิ้น 90 สาขา และจะทำให้สิ้นปีนี้มีจำนวนสาขาในเมืองไทยทั้งสิ้น 550 แห่ง 

โดยมี 4 โมเดลหลัก ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 500-2,000 ตร.ม.  ได้แก่ 1.รูปแบบมอลล์ เน้นขยายสาขากับพันธมิตร ศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า 2.รูปแบบสแตนด์อะโลน เน้นขยายตามทำเลที่มีศักยภาพบนพื้นที่ขนาดใหญ่ 3.รูปแบบเอ็กซ์เพรส โมเดลไซซ์เล็กสุด เน้นขยายตาม Business Area อย่างออฟฟิศ อาคาร สำนักงานต่างๆ เป็นต้น 

“การเลือกทำเลในการขยายสาขาจะต้องมีการกระจายความถี่ในการขยายสาขาหน้าร้านมากขึ้น ผ่านการจับมือกับพันธมิตรในการขยายสาขา ควบคู่กับการเพิ่มความถี่ในการเข้าถึงผ่านสินค้าที่หลากหลายกว่า 18,000 รายการ เรื่องของราคาสินค้าที่ถูก และสามารถจับต้องได้ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน”

 

MR.D.I.Y. 

สินค้าภายในร้าน MR.D.I.Y.

ล่าสุดได้เปิดร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. สาขาโลตัส บางกะปิ นำเสนอร้านค้าพื้นที่กว้างขวางถึง 1,100 ตร.ม. มีสินค้าให้เลือกหลากหลายกว่า 18,000 รายการ ประกอบด้วยสินค้าหลัก 10 หมวดหมู่ ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ประดับยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา ของเล่น ของขวัญ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเครื่องประดับ และเครื่องสำอาง เน้นเจาะกลุ่มผู้ที่พักอาศัยและทำงานในเขตบางกะปิ โดยคาดว่าจะให้บริการลูกค้าในทุกสาขาได้  50 ล้านคนในสิ้นปี และวางเป้าหมายการเติบโตของสาขา (store growth40% ในสิ้นปี

อย่างไรก็ดีแผนงานระยะยาว 2-3 ปีในประเทศไทยนับจากนี้ คือการเดินหน้าขยายสาขาร้านมิสเตอร์ดี.ไอ.วาย พร้อมทั้งเร่งเครื่องกิจกรรมการตลาดเชิงรุกอย่างเต็มที่  พร้อมวางเป้าหมายขยายสาขาให้ครบ 1,000 แห่ง ในช่วง 4  ปีนับจากนี้ (ปี 2569)

อ่านเพิ่มเติม


แชร์ :

You may also like