เงินเฟ้ออาจดีต่ออีคอมเมิร์ซ “เอ็น-สแควร์” ตั้งเป้ารายได้แตะหมื่นล้านในปี 2024

เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ชี้สถานการณ์เงินเฟ้ออาจเป็นผลดีกับอีคอมเมิร์ซ เหตุตลาดแข่งขันสูง โดยเฉพาะสินค้าหมวด Grocery ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดตัวเลขคาดการณ์ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในอีกห้าปีข้างหน้า คาดมีมูลค่าแตะ 750,000 ล้านบาท ชี้ธุรกิจไทยต้องเข้าสู่สมรภูมิดังกล่าวตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนพลาดตกขบวน โดยในส่วนของบริษัทตั้งเป้าสร้างยอดขาย 1 หมื่นล้านบาทให้ได้ภายในปี 2024 จาก 3,500 ล้านบาทในปี 2021

ที่ผ่านมา เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ (N-Squared Ecommerce) เป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชันอีคอมเมิร์ซให้กับแบรนด์ต่าง ๆ โดยมีตัวเลขการบริหารแบรนด์มากกว่า 100 แบรนด์ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, และเวียดนาม ซึ่งคุณนัฐพล บุญภินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด เผยว่า ปี 2021 บริษัทมียอดขายรวม 3,500 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยห้าปีสูงถึง 61 % (CAGR) รวมถึงมียอดขายสินค้าทั้งหมดถึง 6.6 ล้านชิ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังมีการระดมทุนรอบ Series A กว่า 450 ล้านบาท ในปี 2020 ด้วย

คาดอีคอมเมิร์ซไทยโต 2 เท่า แตะ 7.5 แสนล้าน

คุณนัฐพลเผยด้วยว่า หลังจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาด ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Covidruption ซึ่งทำให้เห็นว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ Statista ที่ระบุว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะเติบโตขึ้น 2 เท่าในปี 2025 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7.5 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซไทยอยู่ที่ 8% และคาดว่าจะเติบโตไปเป็น 16% ในปี 2025 เลยทีเดียว

ส่วนแบ่งอีคอมเมิร์ซไทยเทียบกับตลาดจีน

คนไทยขายออนไลน์ที่ไหนกันบ้าง

ในส่วนของตลาด เมื่อถามว่าโลกอีคอมเมิร์ซของไทยอยู่ ณ จุดใดกันบ้าง คุณนัฐพลเผยสถิติที่น่าสนใจดังนี้

• Social Commerce 38%
• Marketplace 47%
• Brand.com 15%

ท่ามกลางตลาดที่มีการเติบโตอย่างสูงนี้ เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ (N-Squared Ecommerce) ทำรายได้จากการเป็น e-Distributor หรือการเป็นผู้เชื่อมต่อแบรนด์กับช่องทางการขายบนโลกอีคอมเมิร์ซให้กับแบรนด์ต่าง ๆ โดยมีทั้งการบริหารช่องทางขายผ่าน Lazada, Shopee, Facebook, LINE และ TikTok รวมถึงบริหารช่องทางออนไลน์ให้กับแบรนด์เช่น Tefal, Shell, Samsung, HP, สิงห์, Asus, Dtac, Royal Canin, Philips Lighting, Canon เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีรายได้จากเทคโนโลยีช่วยขายสินค้าออนไลน์ เช่น บริการแชท, ระบบคลังสินค้า, การวิเคราะห์ข้อมูล, การทำตลาดออนไลน์ ฯลฯ ด้วย โดยสัดส่วนรายได้ของเอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันมาจากประเทศไทย 70% และต่างประเทศ 30% โดยผู้บริหารเผยว่า การเติบโตด้านรายได้ของเอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซในไทยนั้น มาจาก 3 หมวดหลัก ได้แก่

• Home Living – Home Appliance
• สินค้าไอทีอิเล็กทรอนิกส์
• สินค้าหมวด Grocery

ส่วนในต่างประเทศนั้น มาเลเซียถือเป็นประเทศที่ทำรายได้สูงสุดอันดับหนึ่ง รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ส่วนเวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงสุด

“เงินเฟ้อ” อาจเป็นข่าวดีของอีคอมเมิร์ซ

เมื่อถามถึงสถานการณ์เงินเฟ้อที่เริ่มรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน คุณนัฐพลเผยว่าในส่วนของผู้บริโภคอาจระมัดระวังด้านการใช้จ่าย แต่ในอีกด้านหนึ่งอาจเป็นผลดีกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยพบว่า สินค้าในหมวด Grocery – FMCG นั้นมีแนวโน้มเติบโตกว่าเดิม เนื่องจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ แข่งขันกันมากขึ้น และหลาย ๆ แพลตฟอร์มทำโปรโมชันส่งฟรี ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องออกจากบ้าน และไม่ต้องเสียค่าเดินทาง – น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาแพงนั่นเอง

“เราเชื่อว่าจะมีการใช้จ่ายในสินค้าหมวด Grocery – FMCG มากขึ้น นอกจากนั้น ในสถานการณ์ดังกล่าว เรายังมองว่า การสร้างแบรนด์ไทย ในสินค้าที่ไทยมีความพร้อม เช่น สินค้าหมวด Beauty – อาหาร และสเกลสินค้าเหล่านี้ออกไปขายในระดับโกลบอลจะมีให้เห็นมากขึ้น”

 ตั้งเป้ายอดขายหมื่นล้านในปี 2024

สำหรับเป้าหมายของทางบริษัทกับยอดขาย 10,000 ล้านบาทภายในปี 2024 นั้น คุณนัฐพลเผยว่ามีการเตรียมการด้านกลยุทธ์ไว้ 4 ด้าน ดังนี้

ขยายบริการอีคอมเมิร์ซครบวงจร เช่น บริการวางกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและแปรเปลี่ยนมาเป็นยอดซื้อ ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อบริหารจัดการข้อมูล (Business Intelligence) อีกทั้งยังเพิ่มการทำงานร่วมกับเครือข่ายอินฟลูเอ็นเซอร์และการไลฟ์สดขายสินค้าเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีแชทบอทชื่อ Chatpify รองรับการใช้งานระดับองค์กรที่ครอบคลุมทั้ง Marketplace และ Social Media หรือ Bluedock ซอฟแวร์บริหาร Fulfillment Centre เพื่อตอบสนององค์กรที่ต้องการบริหารคลังสินค้าและการแพ็คสินค้า

สร้าง Digital Brand Factory ในประเทศและขยายสู่ตลาดในระดับโลก หรือก็คือการสร้างเฮ้าส์แบรนด์อย่าง HomeHuk,  XtivePRO, WOMANKYND และ ERGONOMATE แบรนด์เก้าอี้เพื่อสุขภาพ และสเกลออกไปทำตลาดในระดับโลก

ขยายธุรกิจออกสู่ต่างประเทศ โดยปัจจุบัน นอกจากประเทศไทยแล้ว เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งมีมูลค่าการเติบโตของธุรกิจในปี 2021 แตะ 1,000 ล้านบาท

ขยายช่องทางการขายสำหรับลูกค้าบน Facebook, TikTok, LINE และ Brand.com ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน เพื่อให้แบรนด์มีความสัมพันธ์และสร้างยอดขายกับกลุ่มลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทาง Social Media ของตนเองและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่นอก Marketplace