นักบินอวกาศที่อยู่ห่างจากโลกหลายร้อยกิโลเมตร อาจสามารถรับประทานซูชิหรืออาหารจากร้านดังบนพื้นโลกได้เร็ว ๆ นี้ เพราะผู้ที่กำลังพัฒนาแนวคิดนี้ให้เป็นจริงอย่างบริษัท Dentsu ยักษ์ใหญ่ของวงการโฆษณาญี่ปุ่นได้ออกมาเผยถึงความก้าวหน้าของโปรเจ็คชื่อ Open Meals กับการพัฒนา 3D Printer ที่สามารถ “พรินท์” อาหารที่มนุษย์สามารถรับประทานได้ว่าอาจสำเร็จภายในปี 2025 นี้
โปรเจ็ค Open Meals เริ่มต้นขึ้นในปี 2016 โดยคุณเรียวสุเกะ ซาคาคิ พนักงานของ Dentsu ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องพรินเตอร์อิงค์เจ็ท โดยเขามองว่า ถ้ามนุษย์สามารถปรับเปลี่ยนพรินเตอร์ (ที่มีหมึกสีต่าง ๆ) จากการพรินท์ภาพถ่าย เอกสาร มาเป็นพรินเตอร์ที่สามารถพรินท์อาหารได้ ชีวิตอย่างเรา ๆ จะสะดวกขึ้นสักแค่ไหน
เพื่อให้โปรเจ็คนี้เป็นจริง Open Meals มีการดึงนักวิจัยจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยยามากาตะ และภาคธุรกิจจำนวนมากเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยตัวพรินเตอร์ 3D ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยแท็งค์น้ำ และตัวคาร์ททริดจ์ (Cartridges) โดยแทนที่จะใส่หมึกสีต่าง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นใส่ผงรสชาติ สารอาหาร วัตถุดิบที่มีลักษณะเป็นเจลเพื่อสร้างเท็กเจอร์ให้กับตัวอาหาร ฯลฯ ลงไปแทน
อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายอีกมากที่ทีมพัฒนาต้องก้าวผ่านไปให้ได้ เช่น จะทำอย่างไรให้รูปร่างของอาหารที่พรินท์ออกมามีความคล้ายคลึงกับอาหารที่เรารับประทานจริงในชีวิตประจำวัน หรือในเรื่องของหัวพิมพ์ที่หากมีขนาดเล็กมาก ก็จะทำให้การพรินท์อาหารช้าตามไปด้วย (เช่น การพรินท์ซูชิหนึ่งชิ้นอาจต้องใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาทีเลยทีเดียว)
Dentsu และทีมงานจากภาคธุรกิจต่าง ๆ ตั้งความหวังไว้ว่า พวกเขาจะสามารถพัฒนาพรินเตอร์ 3D ตัวนี้ได้สำเร็จภายในปี 2025 ซึ่งหากทำได้จริง พวกเขาจะนำมันไปจัดแสดงในงาน World Expo ที่จะมีขึ้นที่จังหวัดโอซาก้า พร้อมกับกล่าวว่า มันจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการผลิต – จัดส่ง – บริโภคอาหารของมวลมนุษยชาติครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ซาคาคิยังคาดการณ์ว่า ในปี 2030 การผลิตอาหารโดยใช้เครื่องพรินท์ 3 มิตินั้นจะกลายเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป และภายในปี 2050 มนุษย์จะสามารถเข้าถึงอาหารเมนูดัง จากร้านดังที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางด้วย
