เราอาจได้ยินคำว่า Metaverse จากบริษัทเทคโนโลยีในซีกโลกตะวันตกกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ Facebook ที่ดูจะเดิมพันอนาคตของบริษัทเอาไว้กับคำ ๆ นี้อย่างมาก แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทเทคโนโลยีจากซีกโลกตะวันออกจะเมินกับกระแส Metaverse เพราะยักษ์ใหญ่หลายรายก็กำลังพัฒนาสิ่งที่คล้าย ๆ กับแนวคิดนี้อย่างขะมักเขม้นเช่นกัน
สำหรับนิยามของคำว่า Metaverse ที่ถูกหยิบมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเวลานี้ หมายถึง การใช้ชีวิตโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถเข้าไปทำงาน เล่นเกม ช้อปปี้ง สร้างบ้าน เป็นเจ้าของทรัพย์สินดิจิทัล ฯลฯ ได้ โดยมีเทคโนโลยีอย่าง AR หรือ VR เป็นตัวช่วย ซึ่งยักษ์ใหญ่จากซีกโลกตะวันออกที่มีรายงานว่ากำลังพัฒนาเทคโนโลยีคล้าย ๆ กันนี้ก็คือ Tencent โดยบริษัทได้ตั้งบริษัทลูกชื่อ TiMi Studio Group และกำลังรับสมัครพนักงานใหม่ถึง 46 ตำแหน่ง เพื่อมาทำงานในแผนกที่ชื่อว่า F1 studio
ตัวแทนจาก TiMi Studio กล่าวแต่เพียงว่า พวกเขากำลังพัฒนาเกม AAA พร้อมอธิบายเพิ่มเติมแค่ว่า มันเป็นเกมในโลกแบบเปิด (ใช้คำว่า Open World) ซึ่งทำให้สื่อจีนอย่าง South China Morning Post คาดการณ์ว่า Timi Studio เลือกใช้คำ Open World แทนการใช้คำว่า Metaverse มากกว่า
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Tencent ยังจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าเกี่ยวกับ Metaverse เกือบ 100 รายการด้วย โดยมีตั้งแต่ QQ Metaverse, QQ Music Metaverse และ Kings Metaverse
เช่นเดียวกับ ByteDance บริษัทผู้พัฒนา TikTok ก็มีการซื้อกิจการสตาร์ทอัพด้าน VR ชื่อ Pico Interactive ไปแล้วเช่นกัน ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็จดเครื่องหมายการค้าชื่อ Ali Metaverse เอาไว้ด้วย
สำนักข่าว AFP รายงานด้วยว่า บริษัทอย่าง Kuaishou, iQiyi และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Li Auto ก็อินตามเทรนด์นี้และเตรียมตัวรับการมาของ Metaverse เช่นกัน ซึ่งทาง Bloomberg Intelligence คาดการณ์ไว้ว่า ความคึกคักดังกล่าวจะทำให้มูลค่าตลาด Metaverse สูงถึง 8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2024 ได้เลยทีเดียว