HomeSponsored4 องค์กรชั้นนำเพื่อสังคมของไทย เดินหน้าทำกิจกรรม CSR ท่ามกลาง Covid-19

4 องค์กรชั้นนำเพื่อสังคมของไทย เดินหน้าทำกิจกรรม CSR ท่ามกลาง Covid-19

แชร์ :

แม้ว่าปี 2021 จะเป็นห้วงเวลาที่ท้าทายซะเหลือเกิน เมื่อสถานการณ์ Covid-19 ได้สร้างความบอบช้ำอย่างต่อเนื่องกับทุกภาคส่วน ในสังคม หากแต่ยังมีองค์กรธุรกิจของประเทศไทยที่รู้ดีว่า ถ้าอยากให้สังคมไทยรอด “เราต้องรอดไปด้วยกัน”  โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  จึงลงมือดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และนี่คือ 4 องค์กรที่มีแนวทางการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR-Corporate Social Responsibility) ที่น่าสนใจ ตามความถนัดและแนวทางของตัวเอง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ศูนย์พักคอย “ตันปัน” คิดครบลูป ใจถึงสไตล์ “ตัน” 

ย้อนกลับไปในเวลาที่สถานการณ์ Covid-19 ในประเทศไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์คับขัน ตัน  ภาสกรนที”  ประธานกรรมการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) คือ หนึ่งในคนที่นำเอาศักยภาพของตัวเอง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเปิดศูนย์พักคอย ตันปัน”  

เขาใช้อาคารย่านเพชรบุรี 8 ชั้นของตัวเอง เนรมิตเป็น “ศูนย์พักคอย” ที่มี 145 เตียง นอกจากจะใจถึงตามสไตล์  “เสี่ยตัน” แล้ว สิ่งที่ทำให้โครงการของเขาสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อย่างมากมาย ก็คือ การที่เขาตั้งใจจริงที่จะทำให้อาคารแห่งนี้เกิดประโยชน์สูงสุด จนเป็นที่มาของการทำงานร่วมกับ คุณได๋ – ไดอาน่า จงจินตนาการ และ หมอแล็บแพนด้า  ซึ่งทั้งสอง คลุกคลีทำงาน  ต่อสู้ ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 มาก่อน ทำให้รู้ดีว่า อุปกรณ์ สถานที่จำเป็นเร่งด่วนมีอะไรบ้าง ดังนั้น อุปกรณ์ที่มีในศูนย์แห่งนี้ จึงประกอบด้วย ห้องควบคุมแรงดันให้ปลอดเชื้อ ห้อง Oxygen High Flow และ Suction ดูดเสมหะ ห้องสำหรับล้างไต ห้อง Clean Room สำหรับผู้ป่วยที่อ่อนไหวต่อการติดเชื้อหรือเด็กอ่อน ที่มากไปกว่านั้นคือเขายังมีค่าใช้จ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่อาสามาช่วยงานที่นี่ เป็นน้ำใจที่ให้กันและกัน ทั้งหมดนี้เขาออกค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง จนกลายเป็นซีเอสอาร์ที่ทำโดยเอกชน แต่มีระบบการบริหารจัดการที่ดี คิดครบถ้วนทุกขั้นตอนตั้งแต่อุปกรณ์ สถานที่ จนถึงการทำงานจริงที่ต่างคนต่างเสียสละร่วมกัน

SCG โชว์นวัตกรรม ห้องไอซียูโมดูลาร์

ถือว่าเป็นองค์กรที่นำเอา “ความเชี่ยวชาญ” ของตัวเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตามแนวคิด “Marketing 5.0” ของปรมาจารย์ด้านการตลาด Philip Kotler อย่างแท้จริง เมื่อแก่นของแนวคิดนี้ว่าด้วย  “Technology for  Humanity”  

ในวิกฤติ Covid 19 เอสซีจีได้โชว์บทบาทผู้นำด้านนวัตกรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ก้าวหน้ามากๆ เช่น การจับมือกับรพ.ราชวิถี ร่วมกันพัฒนาต้นแบบห้องไอซียู โมดูลาร์ (MODULAR ICU) สำหรับคนไข้วิกฤตโควิด ที่สามารถผลิต และติดตั้งเสร็จรวดเร็วใน  7 วัน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการปรับปรุงไอซียูแบบทั่วไป อาจต้องใช้เวลากว่า 3 เดือน เพื่อช่วยแยกผู้ป่วยโควิดออกจากผู้ป่วยปกติ และช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลคนไข้โควิดได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น และมีความเสี่ยงน้อยลง

ไม่ใช่แค่เทคโนโลยียากๆ สำหรับผู้ป่วยวิกฤติเท่านั้น ยังมีการสนับสนุน “เตียงกระดาษ” ให้กับโรงพยาบาลสนามอีกหลายแห่ง โดยอาศัยความชำนาญของ SCG Paper ที่ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำหลายแห่งระดมรับกระดาษลัง มาเพื่อให้ SCGP รีไซเคิลเป็นเตียงกระดาษอย่างเร่งด่วน ในช่วงเวลาที่ต้องการอุปกรณ์ชนิดนี้รองรับผู้ป่วย สิ่งที่ SCG ทำไม่ใช่แค่ช่วยเหลือภาคประชาชนเท่านั้น แต่ยังคงสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นขององค์กรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

King Power สนับสนุนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเดินหน้าสนับสนุนศักยภาพคนไทยผ่านโครงการเพื่อสังคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 5

นับเป็นอีกองค์กรที่เป็นแถวหน้าในการสนับสนุนการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยัง ได้มีการนำเงินบริจาคจำนวนถึง 25 ล้านบาท ที่ได้จากการจำหน่ายเสื้อทีมเลสเตอร์ซิตี้  ภายใต้โครงการ THAILAND SMILES WITH YOU  โดยไม่หักค่าใช้จ่าย  มาสนับสนุนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับมูลนิธิก้าวคนละก้าว เข้าไปมอบกระเป๋ายังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค และชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรเทาความเดือดร้อนช่วงกักตัวของชาวชุมชนต่าง ๆ กว่า 1,000 หลังคาเรือน ทั่วกรุงเทพมหานคร

พร้อมทั้ง เชิญชวนศิลปินหลายท่านมาร่วมกันส่งรอยยิ้มให้กำลังใจคนไทย เพื่อส่งแรง ใจ ให้คนไทยก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ไปให้ได้

นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าสานต่อกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพของคนไทย อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมควมพร้อมในทุกโอกาสให้กับคนไทยได้แสดงศักยภาพในเวทีระดับด้วยกลยุทธ ‘Together Beyond Boundaries’ ผ่านกิจกรรม 3 ด้าน คือ  กีฬา – ชุมชน – ดนตรี โดยทำต่อเนื่องมา 4 ปีแล้ว โดยโครงการที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดก็คือโครงการด้าน “กีฬา” ทั้งการสร้างสนามฟุตบอลบนพื้นที่ห่างไกล กลางทะเล หรือบนดอย! ควบคู่ไปกับการแจกลูกฟุตบอลให้กับเยาวชนทั้งชายหญิงทั่วทุกภาคในประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้ ได้ส่งมอบความสุข และรอยยิ้ม ผ่านสนามฟุตบอลสีน้ำเงิน ในโครงการ100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย จำนวนกว่า 60 สนาม และโครงการ ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ซึ่งมีการแจกลูกฟุตบอลมาตรฐานสากลกว่า 700,000 ลูก ในกว่า 4,000 โรงเรียน 2,000 ชุมชน รวมกว่า 5,400 พื้นที่ทั่วไทย!

ส่วนด้านดนตรี จากเดิมที่มีการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ แห่งประเทศไทย หรือ TIWSC เวทีเดียว ก็ได้ขยายโอกาสให้คนดนตรีมากขึ้น โดยเพิ่มเวที THE POWER BAND การประกวดวงดนตรี สากลสมัยนิยมผสมเครื่องเป่า เพื่อเฟ้นหาดาวดวงใหม่มาประดับวงการดนตรีไทยเพิ่มขึ้น พร้อมถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ และเงินรางวัลอีกด้วย!

ด้านชุมชน บริษัทฯ ได้เข้าไปให้คำแนะนำ แบ่งปันองค์ความรู้ และร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน และสินค้าชุมชนฝีมือคนไทยจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำไปจำหน่ายผ่านทางช่องทางต่างๆ ทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อต่อยอดรายได้ และสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับชุมชนไทยไปอีกนานแสนนาน

และนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ King Power  คว้ารางวัล CSR เป็นเลิศระดับเอเชีย 3 ปี ซ้อน จากเวที   ‘Asia Responsible Enterprise Awards 2021’  ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้สังคม

“ผมเชื่อในพลังคนไทย และอยากเห็นเยาวชน ชุมชน และสังคมมีความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้น ได้รับโอกาสในการพัฒนา ศักยภาพของ ตนเองมากที่สุด เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการเติบโตอย่างยั่งยืนท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม และ คุณภาพชีวิต” คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าท่ีบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวไว้

แสนสิริ” ไม่ใช่ตัวเองรอด แต่พาร์ทเนอร์และสังคมต้องรอดด้วย

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งเรื่องดีมานด์ของผู้บริโภค ขณะที่ธรรมชาติของธุรกิจเองเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูง และมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับธุรกิจมากมาย นั่นทำให้ 2 ปีที่ผ่านมา โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมทั้งหลาย ต้องเร่งปิดยอดขาย ดึงกระแสเงินสดไว้ในมือ เพื่อมั่นใจว่าจะมีเงินทุนหมุนเวียนมากพอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อง่ายขายคล่องเหมือนเคย แต่คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็ประกาศว่า “แสนสิริ จะไม่ทอดทิ้งใคร”

ด้วยความตั้งใจแบบนี้ โครงการของแสนสิริเลยมีทั้งใหญ่ – เล็ก เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและสังคมในวงกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ อัดงบ 40 ล้านบาท สั่งวัคซีนชิโนฟาร์ม 37,000 โดส ซึ่งไม่ใช่แค่พนักงานและครอบครัวของพนักงานเท่านั้น แต่พาร์ทเนอร์คู่ค้า และสังคมโดยรอบก็ได้รับการจัดสรรวัคซีนให้ไปด้วย ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้องกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อคนฉีดวัคซีนได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอัตราการติดโรคในระดับร้ายแรงลดลงเท่านั้น และยิ่งทำให้สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเล็กๆ แต่น่ารักและสม่ำเสมอ เช่น เหมาลำไยจากลำพูน 12 ตัน ในช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรตกตำ่แบบนี้ ทาง “แสนสิริ” อาศัยกำลังของตัวเองเข้าไปอุดหนุนสินค้า ที่ราคาตกต่ำเพราะว่าส่งออกไปต่างประเทศไม่ได้ แล้วนำมาแจกจ่ายให้กับลูกบ้าน กลายเป็นการทำ Customer Relationship แบบง่ายๆ นอกจากนี้ ยังนำไปแจกจ่ายให้กับแคมป์คนงานก่อสร้าง ฐานรากของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่พวกเขาเหล่านี้ต้องการการดูแลอย่างมาก เมื่อเขาเหล่านี้ถูกจำกัดการเดินทาง และไม่มีกำลังซื้อ

“ช่วงเวลานี้ ช่วยอะไรได้ช่วยๆกันครับ อย่ามัวถามว่าหน้าที่ใคร” เศรษฐา  ทวีสิน กล่าวผ่านทวิตเตอร์ @thavisin

ทั้งหมดนี้คือ 4 กรณีศึกษา ของ 4 แบรนด์ชั้นนำของไทย ที่ลงมือทำกิจกรรมเพื่อสังคม ในปี 2021 ที่ท้าทายสุดๆ และเป็น บทพิสูจน์ว่า ถึงแม้ยากลำกบากแค่ไหน “พลังคนไทย” ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และความช่วยเหลือแบบนี้เอง ที่ทำให้สถานการณ์ของประเทศไทยกำลังจะกลับมาดีขึ้น


แชร์ :

You may also like