HomeBrand Move !!แจ็ค หม่า สะเทือน! จีนลงดาบ “Alibaba – Ant” จนหุ้นร่วง 8% สองครั้งซ้อน

แจ็ค หม่า สะเทือน! จีนลงดาบ “Alibaba – Ant” จนหุ้นร่วง 8% สองครั้งซ้อน

แชร์ :

jack ma ant group แจ็ค หม่า อาลีบาบา Alibaba

ปี 2020 น่าจะเป็นเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ร้อนแรงทีเดียวสำหรับ Ant Group และ แจ็ค หม่า (Jack Ma) หลังจากถูกธนาคารกลางของจีน (People’s Bank of China : PBOC) เรียกเข้าพบอีกรอบเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการปรับการทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

งานนี้มีคำถามตามมาว่า ต้อง Bad Boy เบอร์ไหน ถึงได้รับสิทธินี้จากรัฐบาลจีน เพราะมีการรายงานว่า ข้อเรียกร้องที่มีต่อ Ant Group ก็คือ บริษัทควรให้บริการในสิ่งที่ประชาชนต้องการ และตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเหมาะสม

กระบวนการดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของอาลีบาบาในตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลงอีกราว 8% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากตกอย่างแรงมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีก่อน ที่โดนรัฐบาลจีนกล่าวหาว่าอาลีบาบามีการกระทำที่เป็นการผูกขาดตลาด และทำให้ผู้แข่งขันรายย่อยไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

ไม่เพียงเท่านั้น หน่วยงานภาครัฐของจีนยังได้เรียกร้องให้ Ant Group ดำเนินงานอย่างโปร่งใสมากขึ้น ในประเด็นการทำธุรกรรมกับ Third-Party และการไม่เอาเปรียบคู่ค้า โดยมีการชี้ว่า ปัญหาของ Ant Group ก็คือการไม่มีธรรมาภิบาล มีการท้าทายอำนาจรัฐ และมีการใช้ข้อได้เปรียบของตนเองเพื่อเอารัดเอาเปรียบคู่แข่ง รวมถึงไม่คำนึงถึงผู้บริโภคด้วย

นักวิเคราะห์จากโลกตะวันตกหลายคนให้ความเห็นว่า การเปิดหน้าลุยของหน่วยงานภาครัฐจีนครั้งนี้ ไม่เฉพาะอาณาจักรของแจ็ค หม่า ที่บาดเจ็บ แต่บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งของแจ็ค หม่า ก็บาดเจ็บไปตาม ๆ กันด้วย เห็นได้จากหุ้นเท็นเซนต์ (Tencent) ที่ลดลง 6.65% หรือหุ้นของเมยถวน (Meituan) ก็ลดลง 6.88% เช่นกัน พร้อมวิเคราะห์ว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้รัฐบาลจีนลงมาควบคุมบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาก้าวหน้าเกินไป และใหญ่เกินไปแล้วนั่นเอง

ส่วนหนึ่งที่นักวิเคราะห์ต่างชาติแสดงความกังวลก็คือ เรื่องของกฎหมายต่อต้านการผูกขาดที่กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไข และจะบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งค่าปรับในกฎหมายใหม่นั้นสามารถปรับได้สูงสุดที่ 10% ของรายได้บริษัทเลยทีเดียว

ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า บริษัทเทคโนโลยีของจีนมีอิทธิพลสูงมาก หลายแพลตฟอร์มมีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในปีหน้า มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะโตถึง 8.2% (อ้างอิงจาก Nikkei/NQN survey) การให้ยาแรงกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือฟินเทคอย่างที่รัฐบาลจีนทำอยู่นี้ก็เป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันว่า จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์หรือไม่

Source

Source

Source

Source

Source


แชร์ :

You may also like