ตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่ากว่า 56,000 ล้านบาทในปี 2562 โดยมีสัดส่วนแบ่งเป็น โคล่า 71% น้ำสี 23% และน้ำใสเพียงแค่ 6% แต่ยิ่งมีส่วนแบ่งอยู่น้อย ในแคทริกอรี่ที่มีส่วนแบ่งอยู่น้อยนั่นแปลว่ายิ่งมีโอกาสเติบโตสูง จนเป็นที่มาของการที่ “เครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งค์สีใส” อย่าง เซเว่น อัพ(7Up) ระเบิดศึก เปิดตัวสินค้าใหม่ 7Up free ตามเทรนด์สุขภาพด้วยสูตร “ปราศจากน้ำตาล” ตามเจ้าตลาดอย่าง สไปร์ท(Sprite) ที่เปิดตัวเครื่องดื่มในแคทริกอรี่นี้ในเมืองไทยตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2562 ในชื่อ สไปร์ท 0%
free Vs 0% ใส ไม่แอ๊บ
แม้จะวางตัวเป็นเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลเหมือนกัน แต่สิ่งที่ 7up free และ สไปร์ท 0% ต่างกันคือ “สารให้ความหวาน” โดยทาง 7up free จะใช้สารแอสปาแตม, อะซีซัลเฟม และโพแทสเซียม พร้อมจุดขาย “ฟรี” ทั้งน้ำตาล, สีและคาเฟอีน ซึ่งเพียงแค่ชื่อ ก็สร้างความน่าสนใจแล้ว เพราะกลายเป็น 7Up “ฟรี” (ที่จริงๆ ต้องจ่ายตังค์นะ)
ขณะที่ สไปร์ท 0% จะใช้ซูคราโลสและแอซซัลเฟม แทสเซียม พร้อมชูจุดขายความซ่า ใส ไม่แอ๊บ ซึ่งการสื่อสารที่ผ่านมาของสไปร์ทก็ใช้ความ Irony ประชดประชันแบบสนุกในแคมเปญโฆษณา ส่วนราคาวางจำหน่ายเท่ากัน 15 บาท สำหรับแพ็กเก็จ ไซส์ Sleek Can
ส่วนแผนการตลาดก็จะให้สื่อกลางแจ้ง ในเขตเมือง เช่น โฆษณาบนรถไฟฟ้า, สี่แยก และสื่อออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร
เทรนด์สุขภาพรุกคืบเข้าสู่ “น้ำอัดลมใสไร้สี”
หากดูมูลค่าตลาดน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า ขนาดตลาดยังมีขนาดเล็กมาก โดยมีสัดส่วนประมาณ 5% ของตลาดรวมน้ำอัดลมเท่านั้น แต่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีไม่ต่ำกว่า 10% สวนทางกับตลาดน้ำอัดลมที่มีการเติบโตไม่มากต่อเนื่องกันมาหลายปี นั่นจึงสะท้อนให้เห็นถึงปรากฎการณ์ความแรงของน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลในไทย
นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของสงครามน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลเท่านั้น เพราะหน้าร้อนปีนี้ ทุกค่ายจะต้องส่งน้ำอัดลมลงสนามสู้ศึกชิงส่วนแบ่งตลาดนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่สถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวยหลายด้าน ทั้งเรื่องภัยแล้ง, ไวรัส Covid-19 ซึ่งหลายหน่วยงานตั้งจับตาเรื่องการจัดกิจกรรมอีเว้นท์กระตุ้นยอดขาย



