HomeBrand Move !!เมียนมาร์ทำประมงเยอะ “ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์” ตั้งโรงงานขยายฐานผลิตสีอุตสาหกรรม-ทาเรือ เล็งผู้นำอาเซียน

เมียนมาร์ทำประมงเยอะ “ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์” ตั้งโรงงานขยายฐานผลิตสีอุตสาหกรรม-ทาเรือ เล็งผู้นำอาเซียน

แชร์ :

นับตั้งแต่ TOA เริ่มต้นผลิตสีทาบ้านและอาคารให้กับคนไทยเมื่อ 55 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีคู่แข่งที่จะมาชิงตำแหน่งเจ้าตลาดสีไปจาก TOA ได้  ไม่เพียงแค่นั้น ผลิตภัณฑ์ “สีอุตสาหกรรมและสีทาเรือ” ที่อยู่ภายใต้ บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด หรือ TCP ในเครือ TOA ก็เป็นผู้นำในไทยเช่นกัน และวันนี้พร้อมเดินหน้ายึดตลาดอาเซียน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“TCP” ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหู เพราะเน้นขาย “เมกะโปรเจกต์” 

คุณพิศิษฐ์ บุญจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด

30 ปีก่อน บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด หรือ TCP เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างบริษัททีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ชูโกกุ มารีน เพ้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสีทาเรือจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ทำตลาดมากว่า 102 ปี ในหลายประเทศทั่วโลก

คุณพิศิษฐ์ บุญจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน TCP ครองผู้นำกลุ่มสีอุตสาหกรรมและสีทาเรืออันดับหนึ่งในไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 50%  มีผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมหนัก (Heavy Duty Coating Products) กลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาเรือ (Marine Paint Products) และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาตู้คอนเทนเนอร์ (Container Paint Products) เป็นสีประเภทพิเศษ

ธุรกิจ TCP  เน้นขายผลิตภัณฑ์ให้กับโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล เช่น สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 1 และเฟส 2 กลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), กลุ่มโรงงานผู้ผลิตไฟฟ้า, รถไฟฟ้ามหานครทุกสาย (MRT), รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS), สะพานข้ามแม่น้าเจ้าพระยา, สะพานพระราม 8, สะพานพระราม 9, สะพานภูมิพล 1 และ 2, กลุ่มบริษัทเอสซีจี , โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ และเรือประมงทั่วไป 

เป้าหมายในไทยคือรักษาแชมป์ 

เมกะโปรเจกต์เป็นโครงการที่ใช้งบลงทุนสูง  ส่งผลให้ 6 เดือนแรกปีนี้รายได้ เติบโต 20% อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมหนัก 70% มูลค่า 910 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์สีทาเรือ สีทาตู้คอนเทนเนอร์ 30% มูลค่า 390 ล้านบาท 

ขณะที่ผลประกอบการปีที่ผ่านมา TCP มีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมหนัก 1,400 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์สีทาเรือ สีทาตู้คอนเทนเนอร์ 600 ล้านบาท 

แต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปีนี้จึงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 15%  มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,300 ล้านบาท 

เพื่อให้สามารถรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ไปให้ได้ตลอด ในปี 2020 TCP มีแผนเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านค้าให้ได้ 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% และขายตรงโครงการ 75% 

สร้างฐานผลิต “เมียนมาร์” บุกอาเซียน 

ในขณะที่ภาพรวมของตลาดตลาดสีในไทยไม่หวือหวามากนัก TCP จึงโฟกัสไปที่การขยายโอกาสในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของทาง TOA ที่ต้องการขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้นำตลาดสีในอาเซียนดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ที่ตลาดยังมีโอกาสเติบโตสูง จากความต้องการบริโภคสินค้าไทย

หลังจากส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ประเทศเมียนมาร์ และสร้างยอดขายได้ปีละ 100 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 70%  ปีนี้ TCP ได้เข้าไปตั้ง บริษัทชูโกกุ ทีโอเอ เพ้นท์ (เมียนมาร์) จำกัด พร้อมทั้งสร้าง โรงงานผลิตสีและคลังจัดเก็บสินค้า” บนพื้นที่ขนาด 12 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมติลาวา (Thilawa Industrial Estate) ใกล้กับย่างกุ้ง ด้วยงบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างโรงงานเฟส A คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน ปี 2020 ก่อนที่จะสามารถเริ่มกำลังผลิตได้ในช่วงเดือนสิงหาคม เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถผลิตได้ราวๆ 300 ตันต่อเดือน และภายใน 5 ปี หลังจากเริ่มผลิตและจำหน่ายในประเทศเมียนมาร์ จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 500 ตันต่อเดือน สร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาท 

ประมง-เมกะโปรเจกต์หนุนตลาดสีโต

การเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในเมียนมาร์ เพราะเห็นโอกาสจากแนวโน้มจีดีพีเติบโตสูง อีกทั้งเป็นประเทศที่มี ธุรกิจการประมงเป็นเศรษฐกิจหลักอันดับ 3 ของประเทศ รวมถึงการจำหน่ายสีทาโครงเหล็กที่มีความทนทานสูงให้กับโครงการใหญ่ๆหลายโครงการในประเทศเมียนมาร์ และการที่รัฐบาลเมียนมาร์ เร่งเดินหน้าขยายโครงสร้างพื้นฐานในประเทศต่อเนื่อง จึงมีนักลงทุนจากต่างชาติ ทั้งญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเข้ามาลงทุนในเมียนมาร์มากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการขยายตลาดสีอุตสาหกรรมทั้งสิ้น

หากการเข้าไปสร้างฐานการผลิตในประเทศเมียนมาร์เป็นไปตามเป้าหมาย  TCP มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตในประเทศลาว กัมพูชา รวมถึง บังคลาเทศ  โดยช่วงแรกจะเน้นการส่งออกผลิตภัณฑ์จากฐานการผลิตที่เมียนมาร์ก่อน หากตลาดเติบโตดีก็จะเข้าไปขยายโรงงานในทั้ง 3 ประเทศ


แชร์ :

You may also like