กว่า 13 ปี ในฐานะโปรโมเตอร์ผู้จัดคอนเสิร์ตและอีเวน์ให้ศิลปินเกาหลีชื่อดังหลายๆ วงในประเทศไทย อาทิ ดงบังชิงกิ บิ๊กแบง ก็อตเซเว่น ขณะที่ภาพแห่งความสำเร็จ การตอบรับ และการได้รับความรักอย่างมากมายที่บรรดาแฟนคลับมีต่อศิลปินเกาหลีเหล่านั้นตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา สร้างหนึ่งคำถามสำคัญที่อยู่ในใจ คุณวุฒิ -อนุวัฒน์ วิเชียรณรัตน์ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท โฟร์โนล็อค จำกัด มาโดยตลอดว่า ทำไมประเทศไทยถึงไม่มีศิลปินที่สามารถประสบความสำเร็จในระดับอินเตอร์ได้แบบนี้บ้าง
จากคำถามที่ติดค้างในใจ กลายมาเป็น Passion ในการขับเคลื่อนความเชื่อให้กล้าที่จะก้าวไปสู่ บทบาทใหม่ของโฟร์โนล็อค จากฐานะของ Organizer ที่ผันตัวมาเป็น Creator เป็นครั้งแรก กับการปั้นโปรเจ็กต์ใหม่ ซึ่งมากกว่าแค่การปั้นไอดอลชายไทยขึ้นมาเป็นศิลปิน T-POP IDOL ทั่วไป แต่เป็นการสร้างโปรเจ็กต์ทางการตลาดครั้งใหญ่ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน ภายใต้แนวคิด Influencer of The Influencers เพราะนอกจากบทบาทของศิลปินแล้ว ทุกคนในโปรเจ็กต์นี้จะกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการตลาดอย่างครบถ้วนทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น On Air, Online, On Ground และโปรโมชั่น ซึ่งความสำเร็จที่จับต้องได้จากโปรเจ็กต์ที่เกิดจากความเชื่อของคุณวุฒิ เห็นได้จากการตอบรับอย่างถล่มทลายของกลุ่มไอดอลชายในนาม ไนน์ บาย นาย (9X9) นั่นเอง
ความสำเร็จที่เกิดจากความเชื่อล้วนๆ
คุณวุฒิ เล่าย้อนถึงจุดกำเนิดโปรเจ็กต์ 9X9 ที่ปิดโปรเจ็กต์ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาให้ฟังว่า นอกจาก Passion ใหญ่ที่ต้องการสร้าง Thai Role Model เหมือนที่เกาหลีทำได้แล้วนั้น ในมุมมมองของนักการตลาด ยังเห็นช่องว่างในการสื่อสารการตลาดที่ทุกคน ทุกแบรนด์ ทุกสินค้า มีดีมานด์ต่อ Influencers ค่อนข้างมาก แต่ในตลาดยังขาดแคลน เพราะมีแต่คนเดิมๆ ที่ทุกแบรนด์ใช้ซ้ำๆ กัน และยังขาด Influencers ที่ครบเครื่อง สามารถทำกิจกรรมการตลาดได้ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น On Air, Online, On Ground รวมไปถึง Promotion จึงต้องการสร้างต้นแบบของ Influencers ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
โปรเจ็กต์ 9X9 จึงถือกำเนิดขึ้น โดยออดิชั่นจากดารา ศิลปิน นักร้อง และเด็กในสังกัดของแต่ละค่ายกว่า 100 คน จนตกผลึกเป็นทั้ง 9 คน ที่มีความฝัน ความเชื่อ และทัศนคติแบบเดียวกัน จนโปรเจ็กต์ที่เป็นเพียงแค่ความคิดในแผ่นกระดาษกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ภายใต้ความร่วมมือจาก 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ช่อง 3 แกรมมี่ นาดาว และโฟร์โนล็อค ที่ส่งศิลปินในสังกัดเข้ามาร่วมโปรเจ็กต์นี้ และได้ผู้ผ่านการออดิชั่นที่เรียกว่า คัดกรองมาอย่างดี โดยทั้ง 9 คน ต้องมารวมกันอยู่ในโปรเจ็กต์นี้ และฝึกทักษะอย่างหนักเกือบสองปี ประกอบด้วย เจมส์- ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เจเจ–กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร, เติร์ด- ลภัส งามเชวง, ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง, ปอร์เช่-ศิวกร อดุลยสุทธิกุล, แจ็คกี้-จักริน กังวานเกียรติชัย และ ริว-วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์
“กว่าสองปีที่เราเริ่มต้นโปรเจ็กต์นี้ ไม่มีคำว่าง่าย เราออดิชั่น 3 รอบ รอบละกว่า 2 ชั่วโมง แค่คุยอย่างเดียวก็เป็นชั่วโมงแล้ว เพราะเราต้องการรู้จักเด็กทุกคน ต้องการเด็กที่มี Passion และความเชื่อเดียวกัน เพราะถ้าตัดสินใจเข้าโปรเจ็กต์แล้ว อันดับแรกเลยคือ ต้องหยุดรับงานอื่นตลอดทั้งปีเพื่อมาฝึกกับเรา รายได้ที่หายไป จากการออกอีเวนท์ครั้งเดียวบางคนได้หลักแสน แต่ทุกคนอยากเป็นศิลปินที่ดีขึ้น อยากทำให้วงการบันเทิงไทยมีคุณค่าและคุณภาพทัดเทียมมาตรฐานนานาชาติ ซึ่งมากไปกว่าหน้าตา แต่ทุกคนยังเต็มไปด้วยความสามารถทั้งการร้อง เต้น เล่นละคร และการเอนเตอร์เทน ทำให้ 9X9 กลายเป็นที่รักและได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นอย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน”
ก้าวใหม่ กับการสร้างปรากฏการณ์ใหม่
ความสำเร็จของ 9X9 มาจากการวางโรดแม็พไว้อย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้การเปิดตัวสร้างความเซอร์ไพร้ส์และการยอมรับในความสามารถของทั้ง 9 คน แม้บางคนอาจจะเคยเห็นอยู่ในวงการบันเทิงมาก่อน เป็นดารามาก่อน แต่ไม่เคยเห็นความสามารถทางด้านอื่น เช่น การร้อง การเต้น รวมไปถึงการวาง Timing สำหรับการแนะนำชิ้นงานต่างๆ ของ 9X9 ตั้งแต่การทำ Exclusive Program กับทางไลน์ทีวี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยได้เห็นเด็กๆ กลุ่มนี้ร้องเพลงมาก่อน แต่รายการ Into The Light with 9X9 จะเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นการร้องเพลงของทั้ง 9 คน และเมื่อรายการออกไปมีฟีดแบ็คที่ดีมาก มียอด View แตะ 1 ล้านวิว ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ทันทีที่ออนแอร์ และทั้ง 4 Ep. มีคนดูไปไม่ต่ำกว่า 6.4 ล้านวิว
กระแสตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้มีโปรเจ็กต์พิเศษแทรกมา กับกิจกรรม On Stage เพื่อเปิดตัว 9X9 เป็นครั้งแรก ที่ต้องการคนร่วมกิจกรรมประมาณ 2 พันคน แต่มีคน Engage ในกิจกรรมมากกว่า 1 แสนคน ก่อนจะตามมาด้วยกระแสละครจาก “เลือดข้นคนจาง” ที่ทั้ง 9 คนร่วมแสดง ทำให้ #ใครฆ่าประเสิรฐ เข้ามาช่วยสร้างกระแสและเป็นกระแสขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ทุกครั้งที่ออกอากาศ ซึ่งคอนเทนต์ละคร ถือเป็นอีกหนึ่งหัวหอกที่เชื่อว่าจะทำให้ 9X9 สามารถเข้าไปเคาะประตูบ้านคนไทยได้ในวงกว้างมากขึ้น
ไม่เพียงการตอบรับแค่ใน กทม. เพราะคุณวุฒิ วางแผนสร้าง Awareness ในต่างจังหวัดไว้ในโรดแม็พนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยการจัด Campus Tour ทั้งโรงเรียนใน กทม. และต่างจังหวัด ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมีคนร่วมไม่ต่ำกว่า 3-5 พันคนในแต่ละอีเวนท์ รวมทั้งมีการจัด On Ground Event ด้วยการจัดคอนเสิร์ตแบบขายบัตรใน 3 จังหวัด คือ นครราชสีมา เชียงใหม่ และสงขลา ด้วยราคาที่ถือว่าค่อนข้างสูงตั้งแต่ 1,500-4,900 บาท แต่มียอดจำหน่ายบัตรได้ถึง 85% ซึ่งต้องถือว่าสูงมาก รวมทั้งการทำ Documentary เบื้องหลังการฝึกอย่างหนักตลอดเกือบ 3 ปี ในชื่อ The Journey of 9X9 ทางไลน์ทีวี จำนวน 9 ตอน ก่อนจะมาปิดโปรเจ็กต์ด้วยคอนเสิร์ตส่งท้าย ที่อิมแพ็ค ในวันที่ 9 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา และการตอบรับก็ดีมาก จนต้องเพิ่มรอบการแสดงอีกหนึ่งรอบ จากที่เมื่อย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นโปรเจ็กต์นั้น แม้จะแพลนไว้แล้วว่าจะต้องมาปิดโปรเจ็กต์ที่อิมแพ็ค แต่ความมั่นใจในวันนั้นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้
“โปรเจ็กต์ 9X9 สร้างปรากฏการณ์หลายๆ อย่างให้โฟร์โนล็อค ทั้งจากฟีดแบ็คเมื่อจบโปรเจ็กต์ที่มีคอมเม้นต์เป็นบวกถึง 98% ถือว่าดีที่สุดตลอด 13 ปีที่จัดคอนเสิร์ตมา โดยเฉพาะการชื่นชมความสามารถเด็กไทย และการสร้างภาพจำใหม่ คาแร็คเตอร์ใหม่ให้กับ T-POP ที่สามารถแข่งขันได้ในมาตรฐานโลก หรือทุกๆ กิจกรรมที่มีคนมา Engage มากกว่าที่เคยทำ ขณะที่ยอด View ชิ้นงานเก่าๆ ของน้องก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการที่มีเด็ก 9X9 สามารถชนะรายการ The Mask Singer ซีซั่นล่าสุดมาได้ก็ทำให้มีคนกลับมาย้อนดูผลงานเก่าๆ ที่เคยทำไว้ โดยบทสรุปโปรเจ็กต์ 9X9 ตั้งแต่เดบิวต์จนปิดโปรเจ็กต์ มีชิ้นงานรวมทั้งหมด เป็นเพลง 5 ซิงเกิล MV 2 เพลง และคลิปชิ้นงานอื่นๆ รวมๆ ประมาณ 200 ชิ้นงาน โดยสามารถสร้างยอดวิวรวมกันได้ถึง 297.9 ล้านวิว”
ขณะที่การวัดฐานแฟนคลับที่จับต้องได้จากคนติดตาม IG ของทั้ง 9 คนในตอนเริ่มโปรเจ็กต์ช่วงปี 2017-2018 มียอดรวมกัน 6.5 ล้านคน แต่เมื่อจบโปรเจ็กต์ยอดผู้ติดตามรวมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8.9 ล้านคน โดยคนที่มีผู้ติดตามน้อยสุดจากที่มีเพียงหลักหมื่นคน ก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านเช่นกัน
ส่วนในมิติของการบรรลุจุดประสงค์ทางการตลาดที่ต้องการสร้าง Influencer of The Influencers ก็ต้องถือว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น เพราะไม่เพียงสร้าง Influencers ที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนเป็นของตัวเองได้แล้วนั้น ความพิเศษยังอยู่ที่ความผูกพันและความลึกซึ้งจากเรื่องราวและเส้นทางความพยายามของไอดอลเหล่านี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าได้รับรู้และเป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางความสำเร็จที่เกิดขึ้น จึงพร้อมให้การสนับสนุนกับทุกๆ ความสำเร็จของทั้ง 9 คน ทำให้สามารถสร้าง Influencers ที่มาพร้อมกับ Relation และ Engagement ที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา
โปรเจ็กต์ใหม่ สร้างทีมชาติด้าน Entertainment
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายจาก 9X9 แต่คุณวุฒิ ให้ข้อมูลถึงผลตอบรับทางธุรกิจที่ไม่ได้ถล่มทลายอย่างที่หลายคนเข้าใจ เนื่องจากโปรเจ็กต์ 9X9 ลงทุนไปรวมกันราว 120 ล้านบาท Return กลับมาถือว่าเท่าทุนหรือจริงๆ อาจจะติดลบอยู่ราวๆ 20 กว่าล้าน ขณะที่ Target ในแง่ของรายได้หลักจาก Sponsorship ซึ่งตั้งไว้ที่ 8 ตัว แต่ได้มาเพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น ซึ่งการที่ยอดไม่ถึงเป้าหมายนั้น ไม่ได้สะท้อนว่าโปรเจ็กต์ไม่ Success แต่คุณวุฒิ ยอมรับว่า เป็นเพราะตั้งแพกเกจไว้ในราคาสูงแต่เชื่อว่าคุ้มค่า ที่ประมาณ 15-40 ล้านบาทต่อราย และเลือกที่จะไม่ลดราคา เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพของคอนเทนต์ว่าเป็นชิ้นงานที่ดี ที่ต้องการสร้างให้เป็น Role Model สำหรับโปรเจ็กต์ถัดไป
“9X9 เรียกว่าเป็น Polot Project ที่เราจะสร้างขึ้นมาเป็นต้นแบบ เราวาง Timing ไว้แค่ปีเดียว เพราะไม่สามารถคาดเดาการตอบรับได้ แต่เราตั้งใจทำให้ได้ตามมาตรฐาน เหมือนที่เกาหลีหรือระดับโลกทำได้ เราไม่ได้ต้องการแข่งกับใครแต่ต้องมองเป็นแนวทาง เพราะถ้าเราทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น คงไม่มีใครดูเราแน่นอน สิ่งที่เราต้องแข่ง คือ แข่งกับ Passion ตัวเอง และสร้าง Passion ใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่เสมอ เราต้องเซ็ตมาตรฐานระดับนั้นไว้เพื่อสร้างสิ่งที่น่าจดจำให้เป็น Remarkable ซึ่งเชื่อว่าถ้าเราลดราคาหรือเวลาของโปรเจ็กต์ยาวกว่านี้ เราจะทำกำไรได้มากอย่างแน่นอน แต่เราเลือกที่จะไม่ลดมาตรฐานตัวเอง เราได้พิสูจน์ความเชื่อของเรา ถ้าดีเราจะไปต่อ ถ้าไม่ดี เราก็เลิก แต่ผลพิสูจน์ออกมาแล้วว่าเราทำได้ ทุกอีเวนท์เราใช้สถานที่เดียวกับศิลปินเกาหลี เพื่อดูจำนวนคนเข้ามาในงาน เป็นการวัดรอยเท้าเพื่อประเมินสถานการณ์ และการตอบรับ ว่าเราทำได้ดีมากแค่ไหน โอกาสที่เราจะไปถึงจุดที่หวังไว้เป็นไปได้มากแค่ไหน ซึ่งตอนนี้คำตอบที่เราได้ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น”
และเป็นธรรมดา เมื่อได้ความสำเร็จอย่างท่วมท้นจากโปรเจ็กต์แรกที่จบไปแล้วในขณะที่ทุกอย่างกำลังพีค การต่อยอดสู่โปรเจ็กต์ต่อมาต้องตามมา ซึ่งคุณวุฒิ เตรียมเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่ในเร็วๆ นี้ และครั้งนี้คุณวุฒิ มองไกลมากกว่าเดิม ด้วยการส่ง T-POP IDOL บุกตลาดระดับ International ผ่าน 4 ศิลปิน จาก 9X9 ได้แก่ เจมส์- ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เติร์ด- ลภัส งามเชวง, ปอร์เช่-ศิวกร อดุลยสุทธิกุล และ แจ็คกี้-จักริน กังวานเกียรติชัย ซึ่งชื่อโปรเจ็กต์ใหม่ และแผนงานต่างๆ คุณวุฒิ เตรียมจะให้ข้อมูลที่มากขึ้น พร้อมกับการเปิดโปรเจ็กต์ในวันที่ 17 กันยายนนี้
สำหรับการสร้าง Role Model ครั้งใหม่นี้ คุณวุฒิมองไกลกว่าแค่ความสำเร็จในประเทศ เพราะโปรเจ็กต์ต่อจากนี้จะเป็นการส่งออกไอดอลไทยไปสู่ระดับอินเตอร์อย่างแท้จริง ด้วยเงินลงทุนมหาศาลไม่น้อยไปกว่าโปรเจ็กต์แรก และเชื่อมั่นการตอบรับมากกว่าแค่ระดับ Local แต่ต้องสามารถส่งออกไปในตลาดต่างประเทศได้
“สิ่งที่เรากำลังทำ ไม่ต่างกับการสร้างทีมชาติ ทางด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพื่อไปแข่งในตลาดนานาชาติ ต้องการสร้างภาพจำให้ไอดอลไทย และวัฒนธรรม T-POP ได้รับการยอมรับไม่ต่างจากเกาหลีที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก โดยที่คนไม่ได้รู้สึกว่าแพงแต่กลับมองว่ามีความคุ้มค่า และในอนาคต T-POP จะเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มจีดีพีให้กับประเทศไทยได้”
คุณวุฒิ ทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จต่างๆ มาจาก Passion และความเชื่อใน Passion อย่างแท้จริง ทั้งจาก 4NOLOUGE จากศิลปินทุกคน รวมทั้งลูกค้าทุกรายที่เชื่อและให้การสนับสนุน และกำลังใจจากแฟนคลับทุกคน ทำให้สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่มีมาตรวัดให้เทียบเคียงหรือใช้เป็น Role Madel ใดๆ ได้ ซึ่งทุกอย่างเกินความคาดหวัง จากวงที่เป็นเพียงวัยรุ่น 9 คน เป็นนักแสดง 4 คน เด็กหน้าใหม่ 3 คน และศิลปินที่มีพื้นฐาน 2 คน ภายใต้การดูแลของบริษัททำอีเว้นท์ Showbiz เกาหลี ที่ไม่เคยสร้างศิลปินของตัวเองมาก่อน แต่สามารถสร้างไอดอลที่ Powerful วงหนึ่งได้สำเร็จ
จากนี้ คุณวุฒิ กำลังท้าทาย Passion ครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม จากการต่อยอด Asset ผ่านศิลปินที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้เติบโตไปได้ไกลมากกว่าเดิม ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า Passion ในครั้งนี้จะขับเคลื่อนให้เกิดปรากฏการณ์เหลือเชื่อครั้งใหม่ให้วงการ T-POP ได้อีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
Photo Credit : Facebook 4NOLOGUE