HomeBrand Move !!Huawei ครองเบอร์ 2 ของโลก และจะยึดตำแหน่งนี้ตลอดปี 2019 แทน Apple

Huawei ครองเบอร์ 2 ของโลก และจะยึดตำแหน่งนี้ตลอดปี 2019 แทน Apple

แชร์ :

 

จากที่ผู้บริหารเคยประกาศไว้ว่า Huawei จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในด้านยอดขายของวงการสมาร์ทโฟนโลก ซึ่งหมายถึงการแซงหน้าสองยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และ Apple ให้ได้ภายในปี 2020 นั้น วันนี้ รายงานจาก IDC น่าจะเป็นหลักฐานอันดีที่ชี้ว่า Huawei ทำสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง กับตัวเลขยอดขายที่พุ่งขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2019 และเป็นแบรนด์เดียวจาก Top3 (Samsung-Apple-Huawei) ที่ทำตัวเลขได้ในระดับนี้ด้วย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดย IDC ชี้ว่า ตัวเลขยอดขายของ Huawei ในไตรมาสที่ 1 นั้นเติบโตขึ้นถึง 50.3% ส่งผลให้ Huawei มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 19% ขณะที่คู่แข่งอย่าง Apple นั้นจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ลดลงราว 30.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งทำให้ Apple ครองส่วนแบ่งตลาดไปแค่ 11.7% ทำให้ตอนนี้หัวเว่ยขึ้นแท่นเบอร์ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

(หมายเหตุ ปี 2018 Apple ครองส่วนแบ่ง 15.7% ส่วน Huawei มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 11.8%)

ส่วน Samsung นั้น แม้จะมียอดขายลดลง 8.1% ในไตรมาสแรกของปี 2019 กระนั้นก็ยังครองส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้ถึง 23.1% จึงยังเป็นเบอร์หนึ่งของโลกต่อไป แต่เชื่อว่านาทีนี้ Samsung น่าจะหนาว ๆ ร้อน ๆ มากกว่าใคร เพราะ Huawei ไล่ตามมาแทบจะหายใจรดต้นคอแล้วนั่นเอง ส่วน Apple น่าจะชัดเจนแล้วว่า คงโฟกัสไปที่มาร์จิ้น และผลประกอบการของบริษัท มากกว่ามาร์เก็ตแชร์ในตลาด

ด้านผลประกอบการของ Huawei ก็ทำให้หลายคนอิจฉา เพราะเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Huawei ได้ประกาศผลประกอบการของปีการเงิน 2018 ที่พบว่ารายได้บริษัททะลุ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก หรือเท่ากับเติบโต 19.5% YoY โดยมีธุรกิจคอนซูเมอร์บิสซิเนส (ที่มีสมาร์ทโฟนรวมอยู่ด้วย) เป็นหัวหอกในการสร้างรายได้ที่เติบโตมากถึง 45.1% YoY เลยทีเดียว

โดยจุดที่ผู้บริหาร IDC อย่าง Ryan Reith ชื่นชมก็คือ ที่ผ่านมา สถานการณ์ของตลาดสมาร์ทโฟนนั้นยากลำบากอยู่แล้ว แต่ Huawei กลับสามารถขายได้มากกว่าเดิมถึง 50.3% และ IDC ได้มีการคาดการณ์ว่า Huawei จะยังคงมียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของตารางแบบนี้ต่อไปตลอดปี 2019 ด้วย แม้จะมีความท้าทายด้านปัญหาการกีดกันทางการค้าที่สหรัฐอเมริกาตั้งป้อมถล่มอยู่ก็ตาม

ส่วนจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ทันปี 2020 หรือไม่ อีกไม่นานเราคงได้ทราบกัน

Source

Source

Source

 


แชร์ :

You may also like