หลังจากเดือนกันยายน ปี 2018 บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) ประกาศเข้าซื้อหุ้นของสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น เพื่อเป็นผู้บริหารช่อง 19 ด้วยมูลค่า 1,080.04 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบต่างๆ ที่มาจาก กสทช. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล นั่นส่งผลกระทบทำให้การเจรจาที่เกิดขึ้นต้องยุติลง
โดยทาง TV Direct ให้เหตุผลว่า จากการพูดคุยในระยะแรก เงื่อนไขที่แบ่งจ่ายให้กับทางสปริงส์นิวส์ แบ่งเป็น 124 งวด คิดเป็นงวดละ 8 ล้านกว่าบาท แต่ทางสปริงนิวส์ ต้องการให้จ่ายจำนวนงวดให้เร็วขึ้น รวมทั้งความไม่ชัดเจนของกฎเกณฑ์ของ กสทช. ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการดิจิทัลทีวี ว่าจะพักชำระค่าสัมปทานกี่งวด นานถึงเมื่อไหร่ และเม็ดเงินที่ชำระไปแล้วจะได้คืนหรือไม่ เมื่อเงื่อนไขต่างๆ ยังไม่ชัดเจนทั้งๆ ที่ทางฝั่งของผู้ถือหุ้นทีวีไดเร็คได้ประชุมและมีมติกันไปแล้ว
ทำให้ทาง TV Direct ตัดสินใจประกาศยุติการเจรจาซื้อกิจการ
อย่างไรก็ตาม ทาง TV Direct ยังยืนยันว่าไม่กระทบกับความสัมพันธ์กับสปริงนิวส์ สัญญาเดิมที่จะมีการผลิตคอนเทนต์ร่วมกัน 18 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมีสัญญาต่อเนื่องจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ จะยังมีต่อไป รวมทั้งยังคงรอความชัดเจนจาก กสทช. เพื่อเดินหน้าเจรจาอีกครั้ง ซึ่งดีลจะกลับมาสู่เส้นทางเจรจาอีกครั้งได้หรือไม่อยู่กับบอร์ดบริหาร และทีมที่ปรึกษาซึ่งเข้ามาประเมินความคุ้มค่าทั้งทางฝั่งการลงทุนและผู้ถือหุ้น ซึ่งต้องเป็นการตกลงร่วมกันของทั้งสองฝั่ง เพราะต่างก็เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตามในมุมของ คุณทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เขามองว่า
“หลังจากที่เราเข้าไปทำงานร่วมกับสปริงนิวส์ เราค้นพบว่ามีช่องทางในการเข้าถึงช่องทีวีโดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปเป็นเจ้าของ และธุรกิจทีวีในวันนี้ ถ้าหากจะต้องกู้เงินมาซื้อทับซ้อนเข้าไปอีกมันคงไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะสูงขึ้นด้วย อีกทั้งเรายังมีช่องทีวีดิจิทัลอื่นๆ ที่เราร่วมงานได้ และทีวีดาวเทียมอีก 40 ช่อง ซึ่งยังมีผู้ชมอยู่เยอะมาก”
เดิมเหตุผลที่ TV Direct จะเข้าซื้อช่องดิจิทัล ทีวีของตัวเอง ก็เพราะว่าต้นทุนหลักด้านหนึ่งของการขายสินค้า Home Shopping ก็คือ ค่าซื้อสื่อ (Media) แต่เมื่อดีลล่ม ไม่สามารถเป็นเจ้าของช่องเองแล้ว นั่นทำให้กระทบกับแผนการตลาดที่วางไว้ ทาง TV Direct ต้องแก้ลำ โดยเล็งซื้อสื่ออื่น รวมทั้งลงทุนด้านอื่นทดแทน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ การบริหารจัดการภายใน ให้สร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้รายได้ 4,800 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้ หลังจากปี 2018 ที่ผ่านมา TV Direct มีรายได้ 4,000 ล้านบาท