หลังจากเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “Xiaomi” แบรนด์สินค้าเทคโนโลยีดาวรุ่งจากแดนมังกร ที่หลายคนคุ้นเคยในโลโก้ “Mi” ได้เปิดตัว Mi Notebook Air ที่ดูภายนอกช่างคล้ายกับ MacBook Air ของ Apple โดยยังคงรักษาจุดยืนการนำเสนอความคุ้มค่า ทั้งด้านสเปคเครื่อง และราคาจำหน่ายที่เข้าถึงง่าย
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเว็บไซต์ Tech in Asia รายงานว่า Lei Jun, CEO “Xiaomi” ได้ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจจะเดินหน้าขยายสโตร์ในจีน โดยตั้งเป้าหมาย 1,000 สาขา ภายในปี 2020
นับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการครั้งสำคัญของ “Xiaomi” เพราะแต่ไหนแต่ไรมารูปแบบการขายของ “Xiaomi” โฟกัสที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลักนับตั้งแต่เปิดตัวสมาร์ทโฟนเข้าสู่ตลาดจีนเมื่อกว่า 5 – 6 ปีที่แล้ว จนทุกวันนี้ในตลาดสมาร์ทโฟน ประเทศจีน สามารถไต่อันดับขึ้นไปแข่งกับบรรดาพี่ๆ แบรนด์ระดับโลกอย่าง Apple, Huawei, OPPO และ Vivo
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ “Xiaomi” มีจุดเริ่มต้นขายสินค้าในช่องทางออนไลน์มาก่อน แต่เมื่อขนาดธุรกิจเติบโตขึ้น พร้อมกับการแตกโปรดักส์ไลน์มากมาย ไม่ได้มีเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น ยังคลอบคลุมไปถึงกลุ่มสินค้า Home Appliances, Gadget, ทีวี และผลิตภัณฑ์ดิจิตอลอื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปิด Physical Store หรือร้านค้าปลีก เพื่อเป็นจุดที่ใช้สร้างประสบการณ์ด้านแบรนด์และสินค้าให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะด้านภาพลักษณ์แบรนด์ การเข้าถึงผู้บริโภคได้จับต้องสินค้าจริง และบริการหลังการขาย
ด้วยเหตุนี้เอง ก่อนที่จะประกาศแผนธุรกิจรุกขยายสโตร์มากขึ้น “Xiaomi” ได้เปิดเคาน์เตอร์ให้บริการ และ Experience Centers ในชื่อว่า “Mi Home outlets” ซึ่งออกแบบร้านคล้ายกับ Apple Store โดยปัจจุบันมี 33 สาขา ในจำนวนนี้ มี 25 สาขา ที่ขายสินค้าประเภทต่างๆ ของ “Xiaomi”
“เวลานี้ Xiaomi เป็นบริษัทที่มีการเติบโต และเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Xiaomi เข้าไปอยู่ในครัวเรือนของผู้บริโภคจีน ดังนั้น เราได้ทำการปรับเปลี่ยน Mi Home outlets ให้เป็นรีเทลสโตร์ และเราเตรียมจะเปิดสาขา “Mi Home Stores” โดยตั้งเป้าหมาย 60 สาขาภายในสิ้นปีนี้” แหล่งข่าวจาก Xiaomi กล่าว
การที่ “Xiaomi” หันมาให้ความสำคัญกับการเปิดรีเทลสโตร์ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการทำธุรกิจทุกวันนี้ต้องประสานทุกช่องทาง ทั้ง Online และ Offline ให้เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อเพิ่มแรงส่งซึ่งกันและกัน อันจะสะท้อนกลับมาสู่แบรนด์และยอดขาย