Copyright © 2013 Brandbuffet.in.th
ว่ากันว่ากาลเวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน จากผลการสำรวจสำมะโนประชากรฉบับล่าสุดในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าจำนวนคุณพ่อบ้านมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วถึง 2 เท่า ซึ่งทำให้ต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับการศึกษาและทำการตลาดกับพ่อบ้านบ้าง
Rhondalynn Korolak ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดธุรกิจขนาดเล็กเผยว่าตัวเลขที่น่าสนใจนี้คือสัญญาณที่บอกว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคุณพ่อบ้านและทุ่มงบประมาณหาวิธีการพิชิตเงินในกระเป๋าของพวกเขา Yahoo! ได้เปิดเผยผลสำรวจผู้ชายอเมริกันจำนวน 2,400 คน ซึ่งผู้ชายกว่า 50% (18-64 ปี) บอกว่าพวกเขาเป็นนักช็อปตัวพ่อที่ซื้อของเข้าบ้าน
Rhondalynn อธิบายว่า ในขณะที่ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมางานวิจัยหลายชิ้นได้สนับสนุนเรื่องสตรีนิยมในที่ทำงานด้านการสื่อสาร ความฉลาดทางอารมณ์ และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น กลับเห็นบางสิ่งที่ตรงกันข้ามเกิดขึ้นที่บ้าน นั่นคืองการที่ผู้ชายกลายเป็น “พ่อศรีเรือน” รับหน้าที่ทำงานบ้าน จับจ่ายซื้อของใช้เข้าบ้าน และทำงานจิปาถะอื่นๆ จึงเป็นผลให้แบรนด์ดังๆ ต่างพากันเปลี่ยนวิธีการขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือนใหม่เพื่อรักษาตำแหน่งแบรนด์อันดับหนึ่ง
ขณะที่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Amazon.com และห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง Target ก็กำลังเปลี่ยนแนวทางการทำโฆษณาไปเจาะตลาดกลุ่มคุณพ่อ (dad-vertise) โดยเน้นไปที่ของเล่นเด็ก อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ตัวอย่างเช่น บริษัท Mattel Inc. บริษัทผลิตของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกชุดตุ๊กตา Barbie รุ่นสิ่งปลูกสร้าง หรือแบรนด์อื่นๆ อย่าง Huggies, Go-Gurt, Swiffer และ Cheerios ก็ได้ใช้ภาพคุณพ่อมือใหม่ที่กำลังเลี้ยงลูกน้อยในการโฆษณา
Rhondalynn อธิบายเพิ่มเติมว่า ธุรกิจส่วนใหญ่พยายามที่จะดึงดูดใจลูกค้าทุกกลุ่ม หากตลาดเปลี่ยนแปลงไป เช่น ตอนนี้กลุ่มคุณพ่อบ้านกำลังมาแรง แน่นอนว่าการสื่อสารแบบเดิมๆ ที่เคยใช้กับคุณแม่บ้านเมื่อ 10 ปีก่อนก็ย่อมใช้ไม่ได้อีกต่อไป และสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องทำให้ตรงความต้องการและโดนใจลูกค้า ไม่ใช่อาศัยแต่เพียงช่องทางในการเข้าถึงอย่างที่แบรนด์ต่างๆ เคยทำได้ผลมาแล้วในอดีต
เอ้า! ขอเสียงพ่อศรีเรือนแห่งยุค Modern Family หน่อยครับ 😀
ที่มา: marketingmag
เรียบเรียง: @natzuke