TikTok Shop เปิดสถิติไลฟ์ “เทศกาลเจนนี่” สร้างผู้เข้าชมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.2 ล้านวิว และสามารถสร้างยอดขายแตะ 8 หลัก โดยในไลฟ์ดังกล่าวพบแบรนด์ไทยกว่า 270 รายเข้าร่วม ขณะที่เทรนด์โลกคาด Live-Streaming อาจมีมูลค่าแตะ 3.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030
ทั้งนี้ ข้อมูลจากทาง TikTok Shop ได้มีการระบุถึงแบรนด์ที่สามารถสร้างยอดขายผ่านไลฟ์ของเจนนี่ อาทิ Kathy Cosmetics, BioActive+, Madame Fin, LYO, Cho Cosmetics, CHAME’ Thailand, Whitelab Essentials, Sureeporn Cosmetics, Taokaenoi, บีลีฟ เนเชอรัล, Yerpall Thailand, RAD Cosmetics, KACHA BRAND, PROMTHONG, Manyrarebkk และ Cicelle พร้อมเผยคำให้สัมภาษณ์ของคุณรัชนก สุวรรณเกตุ (เจนนี่) ถึงแรงจูงใจในการทำ Livestreaming ขายของครั้งนี้ว่า
“ตัดสินใจมาทำ Livestreaming ขายของ เพราะมองเห็นโอกาสที่จะช่วยสนับสนุนสินค้าไทย และช่วยธุรกิจรายย่อยไทยให้ได้รับการมองเห็นมากขึ้น ส่วนเคล็ดลับสำหรับครีเอเตอร์นายหน้าคนอื่น ๆ ที่อยากประสบความสำเร็จ คือ ต้องจริงใจ เป็นตัวของตัวเอง รู้จักสินค้าตัวเองอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ความเชื่อใจจากคอมมูนิตี้จะมาจากจุดนี้ค่ะ”
คาด Live-Streaming แตะ 3.45 แสนล้านเหรียญ
ขณะที่ในระดับสากล ข้อมูล Live Streaming Market (2024 – 2030) จาก Grand View Research พบว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 28.5% รับชมการ Live Streaming อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 เพียงไตรมาสเดียว มีผู้ชมทั่วโลกรับชมคอนเทนต์สตรีมมิงสดรวม 8.5 พันล้านชั่วโมง เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2023 และเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2019
ทั้งนี้ มีการประเมินมูลค่าตลาดไลฟ์สตรีมมิ่งทั่วโลกว่าอยู่ที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 3.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 (23% CAGR) อีกทั้งยังพบว่า ผู้ชมใช้เวลารับชมวิดีโอสดนานกว่าวิดีโอออนดีมานด์ถึง 8 เท่า โดยมีช่วงเวลาการรับชมสดเฉลี่ยประมาณ 25 นาทีเลยทีเดียว
แพลตฟอร์มใดชนะใจผู้บริโภค
ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวระบุว่า แพลตฟอร์ม Twitch ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่โดดเด่นในแง่ของ “เวลาในการรับชม” (ประมาณ 61% ของชั่วโมงการไลฟ์สตรีมมิ่งทั้งหมดในปี 2024) ตามมาด้วย YouTube (ประมาณ 23%)
ส่วนในด้านการเข้าถึงผู้ใช้ พบว่า YouTube เป็นผู้นำระดับโลก โดย 52% ของผู้ชมไลฟ์สตรีมมิ่งใช้ YouTube ตามด้วย Facebook (42.6%), Instagram และ TikTok
ทั้งนี้ ประมาณ 27% ของการรับชม Live Streaming เกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ และคาดว่าสัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของเครือข่ายมือถือ นอกจากนั้นยังพบว่า ปัจจุบัน การไลฟ์สดได้ผสานเข้ากับโซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียประมาณ 22.7% (1.17 พันล้านคน) รับชมสตรีมสดบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram หรือ TikTok
4 ปัจจัยที่ทำให้ไลฟ์สด “เป็นที่นิยม”
สำหรับปัจจัยที่ทำให้การไลฟ์สดได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งผลักดันให้อีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ มากมายกลายเป็นออนไลน์ และถึงแม้ว่าโควิด-19 จะจบลงไปแล้ว แต่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่กว้างขึ้นและแบนด์วิดท์ที่ดีขึ้น (โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและ 5G) ก็ทำให้วิดีโอสดคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยข้อต่อไปคือ การที่ไลฟ์สดสามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้ (มีความสมจริง สามารถโต้ตอบกับผู้สร้างหรือผู้ชมคนอื่นๆ แบบเรียลไทม์ และข้อสุดท้าย มาจาก FOMO หรือก็คือการไม่อยากตกเทรนด์ ซึ่งผลสำรวจของ DataReportal ระบุว่า 3 ใน 10 คนระบุว่า “การดูไลฟ์สตรีม” เป็นเหตุผลหลักที่พวกเขาใช้โซเชียลมีเดีย
ในส่วนของจุดแข็งของแพลตฟอร์มต่าง ๆ พบว่า Twitch ยังคงครองเบอร์หนึ่ง และมีความแข็งแกร่งในตลาดเกม – อีสปอร์ตเป็นหลัก โดยมีสตรีมเมอร์กว่า 7 ล้านคนที่ถ่ายทอดสดในแต่ละเดือน กลุ่มประชากรหลักของ Twitch เป็นกลุ่มวัยรุ่น (ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีอายุ 20-39 ปี) และเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดตะวันตก ตัวอย่างเช่น 47% ของนักเล่นเกมในสหรัฐอเมริการับชมการเล่นเกมสดบน Twitch
ส่วน YouTube มีจุดแข็งคือฐานผู้ใช้จำนวนมหาศาล จนกลายเป็นแพลตฟอร์มสตรีมสดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ผู้ชมสตรีมสดทั่วโลกประมาณ 52% ใช้ YouTube Live ขณะที่ Facebook Live มีจุดเด่นในแง่ของฐานผู้ใช้งาน และการไลฟ์แบบสบาย ๆ โดยในสหรัฐอเมริกา Facebook Live เป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งสำหรับวิดีโอสดในกลุ่มผู้ใช้อายุ 35 ปีขึ้นไป
การสำรวจดังกล่าวยังระบุถึง TikTok Live ด้วยว่า มีฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่ และการสตรีมสดบนแอป (ตั้งแต่การแสดงตลกไปจนถึงการขายแบบไลฟ์) สามารถดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ใช้งานในเอเชีย
ผู้ประกอบการไทยเรียนรู้อะไรจากเทศกาลเจนนี่
นอกจากการเติบโตของ Live Streaming ที่กลายเป็นโอกาสใหม่ ๆ ให้กับครีเอเตอร์แล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการไทยก็มีการแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้จาก “เทศกาลเจนนี่” ด้วย โดยคุณณัฐธิดา สิงห์โท หรือ คุณอาย ซีอีโอแบรนด์เครื่องสำอาง Sureeporn Cosmetics และเจ้าของช่อง มินิอายตันจัง กล่าวว่า “เราเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้ไลฟ์กับคุณเจนนี่ในเวลาตีหนึ่ง ซึ่งยอดผู้ชมอยู่ที่ 140,000 คน เป็น 10 นาทีที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เพราะทำให้เรารู้เลยว่าเวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปสำคัญแค่ไหน เราทำยอดได้ 15,000 ออเดอร์ใน 10 นาที แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นคือ “ผู้ชมใหม่” ที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์เรามาก่อน สิ่งที่ต้องทำให้ผู้ชมเห็นในเวลา 10 นาทีคือ ‘คุณภาพสินค้าที่มาพร้อมความคุ้มค่า’ เมื่อคุณเจนนี่นำเสนอแป้งพัฟของเราในไลฟ์สตรีม เราได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ทันที โดยเฉพาะผู้บริโภค Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่กำลังเติบโต”
“สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไลฟ์กับคุณเจนนี่คือเราต้องมีการไลฟ์ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างโอกาสในการซื้อ และทำคอนเทนต์ที่เอนเตอร์เทนคนดูมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาอยู่กับเรานานขึ้น และจดจำแบรนด์เราได้ ความเรียล ความจริงใจ และ ความบันเทิง ยังคงเป็นหัวใจหลักในการสร้างคอนเทนต์ และ engagement กับคนดู ที่สำคัญคือเราไม่ได้หยุดแค่ไลฟ์เดียว เรานำคลิปจากไลฟ์ของคุณเจนนี่มาตัดต่อและทำคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง ทำให้กระแสยังคงอยู่และยอดขายก็เติบโตต่อเนื่องแม้ไลฟ์จะจบไปแล้ว เราวางแผนที่จะสร้างคอนเทนต์ผ่านวิดีโอสั้นอย่างสม่ำเสมอ จัดไลฟ์สตรีมเป็นประจำ และดึงข้อมูลเชิงลึก ทั้งพฤติกรรมและฟีดแบคต่าง ๆ จากลูกค้าใหม่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และต่อยอด เรามองว่านี่ไม่ใช่แค่ยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นชั่วคราว แต่เป็น ‘จุดเริ่มต้นสำหรับการเติบโตระยะยาว’




