HomeBrand Move !!WHA พบสัญญาณบวก นิคมฯ “ไทย-เวียดนาม” ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 20,000 ล้านบาท

WHA พบสัญญาณบวก นิคมฯ “ไทย-เวียดนาม” ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 20,000 ล้านบาท

ชี้ภาคธุรกิจต้องการไทยเป็นฐาน Data Center ในภูมิภาค เหตุเวียดนามไม่เสถียรเท่า

แชร์ :

WHA Group มองธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม “ไทย-เวียดนาม” สัญญาณบวกสูง รับเทรนด์การย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังอาเซียนที่ยังคงเดินหน้า พร้อมเผยตัวเลขผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกด้วยรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไร 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ส่วนกำไรปกติสูงสุด 3,148 ล้านบาท เติบโต 24% ประกาศเดินหน้าสร้างสถิติ All-Time High ต่อเนื่องปีที่ 4 โดยตั้งเป้ารายได้รวม 20,000 ล้านบาท ในปีนี้ และเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(WHA Group) กล่าวถึงภาพรวมของ WHA Group ว่า ปี 2025 เป็นปีแห่งความท้าทาย แต่ WHA Group สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ในหลาย ๆ ด้าน เช่น กรณีของ FDI (Foreign Direct Investment) ที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี  2025 ตัวเลข FDI ขยายตัว 132% เป็นมูลค่า 7.38 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น โดยเน้นลงทุนใน Data Center และเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง

ด้านซ้ายของหน้าจอ มีการระบุข้อมูล FDI เปรียบเทียบระหว่างไทยกับเวียดนาม โดยคุณจรีพรชี้ว่า มีตัวเลขใกล้เคียงกันแล้วในช่วงครึ่งปีแรกของ 2025 หลังจากไทยถูกเวียดนามทิ้งห่างมาตลอดหลายปี

คุณจรีพรชี้ว่า ภาพการลงทุนดังกล่าว สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะ Digital Hub ของอาเซียน และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเป็นศูนย์กลางของการลงทุน คิดเป็น 61% ของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับฐานธุรกิจหลักของ WHA Group ที่ครอบคลุมโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ดิจิทัล และโมบิลิตี้ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมที่ครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายที่ดินได้ 1,105 ไร่ และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 1,143 ไร่ พร้อม Backlog รอโอน 1,467 ไร่ มูลค่า 7,695 ล้านบาท และ มี หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) / บันทึกแสดงความเข้าใจ (MOU) อีก 1,427 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท จากลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมทั้ง อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ Data Center

ไทยได้ประโยชน์จาก Data Center?

คุณจรีพรยังได้กล่าวถึงประโยชน์ถึงการมาลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Google, TikTok, AWS, Haoyang, Alibaba Cloud ฯลฯ ในธุรกิจ Data Center ด้วยว่า เป็นการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในการก้าวไปสู่เทคโนโลยีระดับสูงของไทย

Data Center คือ Fundamental ด้านเทคโนโลยี และไทยต่างจากสิงคโปร์ ที่สิงคโปร์เริ่มไม่สร้าง Data Center แล้ว เพราะประเทศเขาเล็กมาก จึงต้องเลือกประเภทของ Industry ที่จะมาลงทุน แต่ประเทศไทยเรามีพื้นที่กว้างใหญ่กว่ามาก เรามีพลังงานน้ำเหลือเฟือ และ Data Center คือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี” คุณจรีพรกล่าว พร้อมเปรียบด้วยว่า เป็นการช่วยให้ AI ได้วิ่งบนถนนซูเปอร์ไฮเวย์แทนที่จะเป็นถนนลูกรัง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล และค่าความหน่วง (Latency) ซึ่งเป็นต้นทุนของทุกธุรกิจลงได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับประเด็นเรื่องการใช้น้ำและไฟที่สิ้นเปลืองนั้น คุณจรีพรให้ทัศนะว่า “มีคนถามค่อนข้างมากว่า ประโยชน์ของ Data Center คืออะไร จะมาเมืองไทยทำไม เมืองไทยค่าไฟแพง ต้องถามว่า เราเทียบกับประเทศอะไร เราต้องเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์ค่าไฟแพงกว่า พอเราดึง Data Center มาได้ คนก็บอกว่าดึงมาใช้ไฟ-ใช้น้ำในไทย แต่ไทยเรามีรีเสิร์ฟไฟฟ้าเป็นหมื่นเมกะวัตต์ ปัจจุบัน เราใช้ไฟสามหมื่นกว่าเมกะวัตต์ แต่เรามีไฟสี่หมื่นกว่าเมกะวัตต์ ลองคิดดูว่า ถ้ามีกลุ่มนี้เข้ามาช่วยใช้ไฟ เค้ามาช่วยจ่ายเงิน ดีไม่ดี ต้นทุนค่าไฟเราอาจจะถูกลงด้วย”

“ถามว่าเวียดนามไม่อยากได้ Data Center หรือ? เขาอยากได้ แต่โครงสร้างพื้นฐานเขาไม่รองรับ มันไม่เสถียร บริษัทใหญ่ ๆ ที่เป็นลูกค้าเรา บอกเลยว่า เขาต้องการให้ไทยเป็นฐานด้าน Data Center ในภูมิภาคนี้”

ทั้งนี้ คุณจรีพรชี้ด้วยว่า เวียดนามยังเป็นประเทศที่น่าสนใจมากในการลงทุน แต่การเติบโตของเวียดนามชะงักไปในช่วงครึ่งปีแรกของ 2025 เนื่องจากโดน Tariff จากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ยอดขายนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ในเวียดนามต่ำกว่าเป้าหมาย (ครึ่งปีแรก) อย่างไรก็ดี คุณจรีพรบอกว่า ทาง WHA จะมีการลงทุนสร้างนิคมฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเวียดนามยังเป็นจุดหมายที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีประชากรหลักร้อยล้านคน

สำหรับ 6 ไฮไลต์ของกลุ่มธุรกิจหลักในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 พบว่ามีดังนี้

ธุรกิจโลจิสติกส์ ครึ่งปีแรกมีสัญญาพื้นที่ให้เช่าใหม่และสัญญาเช่าใหม่รวมกว่า 123,000 ตารางเมตร มูลค่า 2,153 ล้านบาท โดยมูลค่าต่อตารางเมตรสูงกว่าปีก่อน สะท้อนความต้องการพื้นที่คุณภาพ ล่าสุดเปิดโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โปรเจกต์ 2 พื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร โดยมี บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) เป็นลูกค้ารายแรกเช่าพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร พร้อมขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยโครงการในจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) แล้วเสร็จตามแผน และอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาแห่งใหม่ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารรวมกว่า 3,213,000 ตารางเมตร โดยมีเป้าปล่อยเช่าใหม่ 200,000 ตารางเมตร และแผนขายทรัพย์สินให้กองทรัสต์ WHART ประมาณ 70,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านบาท

ธุรกิจโมบิลิตี้ ภายใต้แบรนด์ Mobilix ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Built-to-Suit ครบวงจรทั้งบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Solutions) โดยมุ่งเน้นตอบโจทย์ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยเช่ารถในปีนี้เหลือ 539 คัน จากปัญหาซัพพลายเชน แต่แนวโน้มยังแข็งแกร่ง จากความต้องการของภาคขนส่งที่มุ่งลดคาร์บอน (Decarbonize Transportation) ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตระยะยาว

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เป็นหัวใจสำคัญในการรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ปัจจุบันมีนิคมรวม 16 แห่งในไทยและเวียดนาม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น Data Center ขยายตัวโดดเด่นคิดเป็น 16% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ขณะเดียวกัน บริษัทฯ กำลังพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ รวมกว่า 10,190 ไร่ ไฮไลต์ คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (WHA ESIE 5) พื้นที่กว่า 6,370 ไร่ ภายใต้แนวคิด Smart Eco Industrial Estate ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฟสแรกพร้อมส่งมอบในไตรมาส 3 ปีนี้ และคาดโอนแปลงแรกได้ในไตรมาส 1 ปี 2569 ส่วนในเวียดนาม ปัจจุบันมี 1 โครงการที่เหงะอาน (Nghe An) และอยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มอีก 3 โครงการ รวม 3,391 ไร่ ภายในปี 2025 – 2026 พร้อมได้มีการลงนาม MOU กับจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ดานัง (Da Nang) และฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อรองรับการขยายในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2025 รวม 2,350 ไร่
โดยมีราคาขายเฉลี่ย ต่อไร่เพิ่มขึ้นกว่า 10%

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) เติบโตต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 29% และรายได้ใหม่จากค่าบริการพิเศษ (Excessive Charge) สำหรับลูกค้าที่ใช้น้ำปริมาณมาก เช่น Data Center แม้ว่ายอดขายน้ำอุตสาหกรรมและน้ำดิบรวมจะลดลงเล็กน้อย แต่เวียดนามยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการ Doung River ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณการขายน้ำรวม
18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร และตั้งเป้าปี 2568 ไว้ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร

ธุรกิจไฟฟ้า เดินหน้าพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยครึ่งปีแรกมีกำลังการผลิตตามสัญญา (PPA) รวม 991 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้เป็นพลังงานหมุนเวียน 463 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโซลาร์ที่ COD แล้ว 156 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 285 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าสิ้นปีเพิ่มเป็น 1,185 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม RENEX ซื้อขายพลังงานสะอาดแบบ Peer-to-Peer และบริการใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของลูกค้า อีกทั้งพร้อมเตรียมรองรับความต้องการพลังงานสะอาดในปริมาณมากของ Data Center

ธุรกิจดิจิทัล เพิ่มบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจ ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น AI และ IoT โดยมีโครงการ AI Transformation กว่า 12 โครงการ เช่น Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม Mobilix Software Solution และแอปพลิเคชัน WHASApp ซึ่งมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1,500 ราย และล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ CO2 ZERO สำหรับรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตามมาตรฐาน และมีฟีเจอร์ Add-On สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความสามารถพิเศษเพิ่มเติม (ต้องจ่ายเพิ่ม)

ทั้งนี้ WHA Group ตั้งเป้ารายได้รวม 20,000 ล้านบาท ในปีนี้ ขณะเดียวกันยังเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ผ่าน 5 ภารกิจหลักด้าน ESG ได้แก่ Green Mobility, Water Conservation, Decarbonization, Green Construction และ Waste Reduction by 3R


แชร์ :

You may also like