HomeBrand Move !!เรียนรู้จากยูนิคอร์น Flash Group ตีโจทย์ “3 เรื่อง” โอกาสแจ้งเกิดสตาร์ทอัปรุ่นใหม่

เรียนรู้จากยูนิคอร์น Flash Group ตีโจทย์ “3 เรื่อง” โอกาสแจ้งเกิดสตาร์ทอัปรุ่นใหม่

แชร์ :

กระแสแมสของซีรีส์ “สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn)” ทาง Netflix ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ “คมสันต์ ลี” ผู้ก่อตั้ง “แฟลช กรุ๊ป (Flash Group)” สตาร์ทอัปยูนิคอร์นตัวแรกของไทยที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ทำให้เรื่องราวและบทเรียนธุรกิจของชายหนุ่มจากดอยวาวี จังหวัดเชียงราย ได้รับความสนใจและเป็นแรงบันดาลใจให้สตาร์ทอัปรุ่นใหม่

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป จัดงาน Bitkub Meetup ครั้งที่ 7 กับคอนเซ็ปต์ Rebuilding Thailand Startup Spirit ประเดิมเวที The Unicorn Stage พูดคุยกับ คุณคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช ถึงจุดเริ่มต้นของแฟลช กรุ๊ป และโอกาสของสตาร์ทอัปไทยในวันนี้

เริ่มต้นทำธุรกิจจากความไม่รู้ทำให้กล้า

Flash Express ก่อตั้งในปี 2560 ขณะนั้นคุณคมสันต์ ลี ในวัย 26 ปี เห็นโอกาสจากโมเดลโลจิสติกส์ประเทศจีน ที่ทำราคาค่าส่งได้ถูก จึงเกิดเป็นไอเดียทำธุรกิจขนส่งด่วนในประเทศไทย แม้มีรายใหญ่ “ไปรษณีย์ไทยและเคอรี่ เอ็กซ์เพรส” ที่เปิดมานานและครองตลาดอยู่ก่อน แต่เขาใช้เวลาเพียง 4 ปี สร้าง Flash Group ก้าวสู่ตำแหน่งยูนิคอร์นตัวแรกของไทยในปี 2564

คุณคมสันต์ เล่าว่าหากย้อนไปในวันแรก เขาเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยความไม่รู้ จึงทำให้ไม่กลัวและกล้าทำ เพราะเห็นตัวอย่างจาก “จีน” ที่ทำธุรกิจขนส่งสำเร็จ แต่ก็ไม่รู้วิธีการว่าทำอย่างไรจึงสำเร็จ วันนั้นรู้แค่ว่ามีโอกาส จึงลอง Copy และ Adapt แบบไทย

ตลอดเส้นทางของ Flash Group ผ่านวิกฤติและเป็นบทเรียนสำคัญการทำธุรกิจหลายเรื่อง วันนี้คนที่ต้องการทำสตาร์ทอัป อยากให้ทุกคนเรียนรู้ว่านอกจาก passion แล้ว ต้องเป็นมืออาชีพด้วย

โดยให้เริ่มต้นอยู่กับองค์กรใหญ่ที่เป็นมืออาชีพก่อน เพื่อเรียนรู้ให้มาก จากนั้นค่อยมาทำสตาร์ทอัป เพราะ “ความไม่อาชีพ ค่าตัวแพงมากที่ต้องจ่าย”

“ผมเริ่มจากความไม่รู้ จึงจัดตั้งบริษัทแบบไม่รู้ เจอข้อกฎหมายหลายเรื่อง ทำให้มีคดีความจำนวนมาก จากความไม่มืออาชีพและมีข้อผิดพลาดที่ทำให้องค์กรเกือบไม่รอด”

หนึ่งในปัญหาการทำสตาร์ทอัปของ Flash Express คือ โลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ผู้ลงทุนจึงสนใจ ทำให้เงินเข้ามาเยอะ การใช้เงินไม่เป็นจึงกลายเป็นปัญหามากกว่าช่วงที่ไม่มีเงิน ที่รู้ตัวว่าต้องใช้อย่างประหยัด

“เวลามีเงินเยอะๆ อยู่ในกระเป๋า แต่บริหารไม่เป็น เพราะไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แฟลชฯ ระดมทุนครั้งแรกได้ 300-400 ล้านบาท แต่ใช้เงินไม่เป็น ใครขออะไรให้หมด รู้ตัวอีกทีไม่มีเงินแล้ว นี่ถือเป็นปัญหาของสตาร์ทอัป”

โอกาสสตาร์ทอัปแจ้งเกิดต้องมอง 3 เรื่องสำคัญ

โอกาสแจ้งเกิดสตาร์ทอัปไทยรุ่นใหม่ในยุคนี้ คุณคมสันต์ ให้มุมมองว่าต้องตีโจทย์ 3 เรื่องสำคัญดังนี้

1. ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่ดีพอหรือไม่ เชื่อว่าทุกคนบอกว่า “ดี” เพราะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนั้นก่อนที่จะก้าวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ยังมีช่องว่างอีกมากที่ต้องทำ แต่ “ใคร” จะเป็นคนทำ เพราะในตลาดก็มีคนทำอยู่แล้วเยอะพอสมควรและเป็นตัวใหญ่ จนทำให้ตัวเล็กไม่มีช่องว่างที่จะทำ

“วันนี้คนที่จะมาชนะตัวใหญ่ได้ ไม่ใช่คนตัวใหญ่อีกคน แต่เป็นคนที่ไม่มีใครรู้จักว่ามาได้อย่างไร แปลว่าหลายๆ อุตสาหกรรมมาถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง”

วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า จีน กำลังบุกตลาดไทย เพราะไปสหรัฐไม่ได้ (จากมาตรการทางภาษี) และไทยแทบจะเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ ที่พร้อมทั้ง เศรษฐกิจ ประชากร และวัฒนธรรม เมื่อจีนกำลังเข้ามา คนในประเทศก็ควรบุกไปพร้อมกัน เพื่อโอกาสที่จะได้ครองตลาดร่วมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้จีน ได้ไปคนเดียว

กฎหมายของหน่วยงานรัฐออกมาจัดการปัญหานอมินีต่างชาติ จึงมีคดีความเกิดขึ้นวันละเป็นหมื่นคดีเกี่ยวกับบริษัทนอมินีจีน แต่หากคนเหล่านี้จะพาไอเดียที่ดี เงินที่เยอะพอ เพื่อมาทำธุรกิจในประเทศไทย แล้วเราเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่ทำร่วมกับจีน หมายถึงแทนที่จะตั้งแถวเอง ก็ไปร่วมตั้งแถวกับเขา เพราะจีนพร้อมกว่าเราแน่ๆ และโอกาสความสำเร็จใหญ่กว่าที่เราจะทำเอง

2. หลายๆ อุตสาหกรรม ที่เกิดขึ้นวันนี้ “เก่าเกินไปสำหรับอนาคต” เพราะคนตัวใหญ่ไม่อยากขยับ ไม่อยากเปลี่ยน เพราะนั่นคือ profit center แต่คนตัวเล็กขยับได้คล่องกว่า เร็วกว่า เพราะยังไม่มีกำไร ดังนั้น Business Model อีกหลายอุตสาหกรรมที่เห็นว่าใหญ่พอแล้ว จึงมีโอกาสล้มได้ สตาร์ทอัปต้องคิดให้ลึกกว่านั้นหรือดูจากต่างประเทศและนำมาพัฒนาที่ประเทศไทย

3. โลกวันนี้การทำสตาร์ทอัป หรือการเป็น Disrupt บางธุรกิจ ไม่ได้ยากเหมือนอดีตอีกต่อไป เพราะวันนี้ เทคโนโลยี AI ใช้คนน้อยกว่าเดิม ลงทุนน้อยกว่าเดิม ดังนั้นโอกาสยังมีเสมอ “อย่ายอมแพ้”

“ทุกคนมีความกลัว ผมเองก็กลัว แต่เพราะเราไม่รู้ เราถึงไม่กลัวและกล้าทำ ระหว่างที่ทำธุรกิจสตาร์ทอัปส่วนใหญ่ต้องมี Plan B (แผนสำรอง) อยู่เสมอ (ไม่ใช่ว่าไม่ All-in) เพื่อทำให้ผู้ลงทุนและทีมเชื่อมั่นว่าจะพาไปในเป้าหมายที่อยากไปได้ ที่ต้องมีแพลนบี เพราะไม่มีสักครั้งในชีวิตการทำสตาร์อัปที่วางแผนแล้วเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ต้องมีอุบัตเหตุตลอดเวลา และมักเกิดปัญหาที่ไม่เคยคิดมาก่อน แต่ขอแค่เราอย่าเปลี่ยนปลายทาง เพราะระหว่างทางมันคือ How ไม่ใช่ Why”

คนทำธุรกิจมีเป้าหมายต่างกัน บางคนเริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจเพื่อต้องการพิสูจน์ว่า “ทำได้” บางคนเริ่มต้นด้วยต้องการ “กำไร” แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุใดก็ต้องมี “รางวัล” ให้ตัวเอง เพราะระหว่างทางหลายคนถามว่า “ท้อ” แล้วทำอย่างไร ตอบได้เลยว่า “ถ้ารางวัลใหญ่พอคุณจะไม่ท้อ”

 

“ก่อนทำสตาร์ทอัป ค้นหาให้เจอว่ารางวัลของคุณคืออะไร และรางวัลนั้นต้องใหญ่พอที่จะทำให้คุณกล้าเสียสละเวลาส่วนตัว ชีวิต และความฝัน การทำสตาร์ทอัป ถ้ารางวัลใหญ่ไม่พอ จะไปทำทำไม เพราะทำงานออฟฟิศง่ายกว่า”

สิ่งสำคัญของเส้นทางสตาร์ปอัป คือ “ความเชื่อมั่น” มี 2 เรื่องความเชื่อมั่นที่คุณคมสันต์ ลี พูดอยู่ตลอดเวลา

1. จงเชื่อมั่นแล้วจะเห็นโอกาส เพราะหลายครั้งการทำธุรกิจ มักเริ่มต้นจากสิ่งที่จับต้องได้หรือเห็นแล้วเราถึงเชื่อ แต่ในโลกสตาร์ทอัป ต้องเชื่อก่อนว่ามีสิ่งนั้นอยู่ จึงจะมีโอกาสก่อนคนอื่น

2. ต้องเชื่อแบบฝั่งเข้าไปใน DNA ว่าต้องทำสำเร็จ การเริ่มต้นทำขนส่ง Flash Express ได้เดินทางไปเสนอไอเดียและโมเดลธุรกิจกับนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งที่ขณะนั้นทั้งองค์กรมีพนักงานแค่ 3 คน ตอนนั้นแม้ยังไม่มีคนสนใจลงทุนด้วย แต่เราต้องพูดจนคนเชื่อมั่น จากนั้นเพื่อนร่วมงานจะสัมผัสได้ว่าเราเชื่อมั่นจริงๆ ว่าจะทำได้และร่วมมือกันสานฝันให้เป็นจริง

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like