เปิดตัวแม่ทัพคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ยักษ์รีเทลไทย หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้ประกาศแต่งตั้ง “คุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์” นั่งแท่นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่แทน “คุณญนน์ โภคทรัพย์” โดยมีผลอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด “คุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ได้ออกแถลงทิศทางการดำเนินงานด้วยการเปิดวิชั่นธุรกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายใต้กลยุทธ์ New Heights, Next Growth ถึงแผนงาน 3 ปี (2568-2570) ด้วยการประกาศงบลงทุน 45,000-47,000 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนรีเทลเต็มสูบทั้งในไทย-เวียดนาม
ย้ำแนวคิด Central To life สร้างการเติบโตระยะยาว
คุณสุทธิสาร เริ่มต้นฉายภาพความท้าทายของการดำเนินธุรกิจรีเทลในปีนี้ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังมีความผันผวนสูง ส่งผลให้ภาคค้าปลีกต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น สงครามตะวันออกกลาง เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ตลอดจนจำนวนนักท่องที่ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมไม่เติบโตเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

คุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์
“ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ง่ายในการดำเนินธุรกิจ แต่ผมสัญญาว่าจะสร้างการเติบโตของธุรกิจในทุกภาคส่วน ทั้งของบริษัท คู่ค้า พาร์ทเนอร์ ร่วมกันตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน”
ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน CRC ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจจะยังคงสานต่อแนวคิด Central To life สร้างการเติบโตแบบยั่งยืน หากแต่ต้องการมีการปรบกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโตภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจ โดยจะเน้นการเจาะตลาดลูกค้าระดับกลางหรือ “เมนสตรีม” มากขึ้น ด้วยโปรโมชั่นและสินค้าที่เข้าถึงง่ายขึ้น
“ส่วนตัวเชื่อว่าสมัยนี้ไม่มีใครคิดว่าสงครามจะเกิด แต่ก็มีเกิดขึ้นมาบ้างแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครรับได้ แต่เมื่อเกิดแล้ว ทุกคนก็อยากให้จบ แน่อนอนเชื่อว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นระยะสั้น จะสามารถแก้ปัญหาได้ ทุกคนต้องรับมือกับปัญญหาระยะสั้น ภาครัฐ เอกชน ต้องประคองและให้โปรโมชั่นแก่ลูกค้าร่วมมือกันแก้ปัญหา ระยะยาวเชื่อว่าไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจแน่นอน” คุณสุทธิสารกล่าว
กางแผน 3 ปี ลงทุน 4.5-4.7 หมื่นล้าน สยายปีกรีเทลไทย-เวียดนาม
ทั้งนี้เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว CRC ได้วางยุทธศาสตร์ในช่วง 3 ปีนับ (2568-2570) ภายใต้กรอบการลงทุน 45,000-47,000 ล้านบาท เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และ EBITDA ประมาณ 5% ต่อปีผ่านกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ที่จะเติบโตผ่าน 5 แกนหลัก สู่การเติบโตครั้งใหม่ประกอบด้วย
1.Reinforce Customer Focus เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการเสริมแกร่ง The 1 Loyalty Program ในไทย และเวียดนาม ที่มีจำนวนสมาชิกรวมกันกว่า 26 ล้านราย ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ด้าน Loyalty Platform ที่แข็งแกร่งที่สุด พร้อมเดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้า Young & Mainstream และเจาะกลุ่มลูกค้า B2B มากยิ่งขึ้นด้วย
2. Strengthen CRC Foundation เสริมรากฐานขององค์กรให้แข็งแกร่ง ด้วยการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ทั้งด้านยอดขายและกำไร รวมถึงการขยายและปรับปรุงสาขา พร้อมทั้งรวมเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม ให้เป็นหนึ่งเดียว ต่อยอดสู่ประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ เพิ่มขีดความสามารถและสร้างรากฐาน เพื่อเร่งเครื่องนำ AI เข้ามาเสริมแกร่ง และผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตแบบ Double Digit อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งขยายธุรกิจ Food และ Mall ในเวียดนาม รวมถึงนำเสนอ Store Format ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเชิงลึกในแต่ละพื้นที่ โดย 3 ปีนับจากนี้จะขยายสาขาของฟอร์แมทซ์ต่างๆ มากขึ้น ประกอบไปด้วย
- เซ็นทรัล ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ เปิดเพิ่ม 1-2 สาขาและรีโนเวต 4-6 สาขา จากปัจจุบัน 76 สาขา
- ท็อปส์ เปิด 25-30 สาขาและรีโนเวต 8-10 สาขา จากปัจจจุบัน 175 สาขา
- ไทวัสดุและบีเอ็นบี เปิด 13-16 สาขาและรีโนเวต 8-10 สาขา จากปัจจุบัน 86 สาขา
- โรบินสันไลฟ์สไตล์ เปิด 2-3 สาขาและรีโนเวต 5-7 สาขา จากปัจจุบันที่มี 28 สาขา รวมถึงขยายคอนเซ็ปต์ไนท์มาร์เก็ตเพิ่มจากปัจจุบันเปิดที่โรบินสัน กาญจนบุรี และ โรบินสัน ศรีสมาน
- โก (Go) เปิด 4-6 สาขา และรีโนเวต 6-8 สาขา จากปัจจุบัน 42 สาขา
- ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิโก เปิด 12-15 สาขา จากปัจจุบัน 14 สาขา
3. Expedite New Growth เร่งสร้างการเติบโตให้กับ New Growth Engine ของเซ็นทรัล รีเทล ผ่านการขยาย GO WHOLESALE ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การขยาย Private Labels, ก้าวสู่การเป็น HORECA Destination สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหาร, เป็นผู้นำเรื่องของสด (Always Fresh-Forward), ขยายสาขาอีกกว่า 12-18 สาขา
ภายใน 3 ปี และการพัฒนา New Store Concept และ Fulfillment Store ให้เหมาะกับกลุ่ม HORECA และค้าปลีกอาหาร นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจของ Auto1 ศูนย์บริการและจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ครบวงจร ด้วยการเร่งเปิดสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 สาขาต่อปี ให้ครอบคลุมในทำเลศักยภาพ
“ปัจุจบันในเวียดนาม เรามีศูนย์การค้าโก (Go) แล้ว 26 สาขาใน 34 จังหวัด ขยายต่อเนื่องผ่านฟอร์แมทซ์ที่แข็งแกร่งคือไฮเปอร์มาร์เก็ต ในจังหวัดเทียร์ 1 และ 2 ส่วน “มินิ โก” (Mini Go) บุกจังหวัดเทียร์ 3 และ 4 นอกจากนี้ยังนำ “โก มอลล์”(Go Mall) ผสานเข้ากับโมเดลไฮเปอร์มาร์เก็ตเพื่อรองรับกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ในเวียดนามอีกด้วย
4. Scale Synergy สร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นทั้งในองค์กรและนอกองค์กร โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันกับธุรกิจทั้งหมดในเครือเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัลกรุ๊ป ทั้งในเชิงการเพิ่มยอดขาย และผลักดันการทำงานร่วมกันของพนักงานในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ตลอดจนการบริหารพื้นที่ขายให้ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ด้วยโมเดล Mix-used และ Hybrid Retail Store
5. Disciplined Financial Management บริหารการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยควบคุมค่าใช้จ่าย เน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ พร้อมบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น
“ในอดีตผมสร้างไทวัสดุที่เริ่มจากศูนย์ใช้เวลา 5-10 ปีในการเติบโต แต่ CRC หลายๆอย่างเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ อย่างในหมวดแฟชั่นเราก็ทำมานาน มีความเชี่ยวชาญในองค์กรทำให้สามารถสร้างการเติบโตได้เร็วกว่า ขณะที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป ความหลากหลายในการเลือกซื้อสินค้า มีแวลู่ ไม่สนใจซื้อสินค้าอย่างเดียว แต่มุ่งเป้าให้ความสำคัญด้านประสบการณ์แปลกใหม่ในที่ๆไม่เคยไป เพื่อสร้างความพอใจในเวลารวดเร็ว”
ท้ายที่สุด “คุณสุทธิสาร” บอกว่า “มองความท้าทายเหล่านี้เป็นโอกาส และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ เซ็นทรัล รีเทล คิดใหม่และทำใหม่ (Rethink & Reset) โดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมแกร่งให้กับการทำงานในทุกมิติขององค์กร ทั้งในแง่การเสริมศักยภาพให้บุคลากร เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงทำให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้ลึกกว่าเดิม เพราะผู้บริโภคในทุกวันนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มองหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่า สะดวก ง่าย และรวดเร็ว”







