HomeBrand Move !!“ดุสิตธานี” เคลียร์ปมขัดแย้งงบการเงิน แจงปัญหาขาดทุน 5 ปี กู้เงินลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ ปีนี้รอรับรายได้เรสซิเด้นท์ 

“ดุสิตธานี” เคลียร์ปมขัดแย้งงบการเงิน แจงปัญหาขาดทุน 5 ปี กู้เงินลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ ปีนี้รอรับรายได้เรสซิเด้นท์ 

ปี 68 ตั้งเป้ารายได้ 9,000 ล้าน เติบโต 20-25%  

แชร์ :

จากปัญหาความขัดแย้งภายในของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT กรณีการไม่อนุมัติงบการเงินประจำปี 2567 ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นทายาทของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งดุสิตธานี

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เหตุผลหลักที่กลุ่มผู้ถือหุ้นหลักไม่อนุมัติงบการเงินประจำปี 2567 ไม่ได้มาจากความไม่ถูกต้องของการจัดทำงบการเงินแต่อย่างใด โดยต้องการให้คณะกรรมการ ชี้แจงสินทรัพย์ หนี้สิน เงินลงทุนให้ชัดเจน หลังจากดุสิตธานีขาดทุนต่อเนื่อง 5 ปี และทำให้บริษัท ชนัตถ์และลูก ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้รับเงินปันผล

สรุปผลประกอบการ DUSIT ช่วง 5 ปีย้อนหลัง

– ปี 2563 รายได้ 3,320 ล้านบาท ขาดทุน 1,011 ล้านบาท

– ปี 2564 รายได้ 3,443 ล้านบาท ขาดทุน 945 ล้านบาท

– ปี 2565 รายได้ 5,130 ล้านบาท ขาดทุน 502 ล้านบาท

– ปี 2566 รายได้ 6,410 ล้านบาท ขาดทุน 570 ล้านบาท

– ปี 2567 รายได้ 11,345 ล้านบาท ขาดทุน 237 ล้านบาท 

ลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ตามแผนลงทุน 9 ปี 

คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT กล่าวว่าจากปมขัดแย้งภายในกรณีการอนุมัติงบการเงินดังกล่าว ในฐานะซีอีโอ ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และคณะกรรมการบริษัทเรียบร้อยแล้ว ทั้งแผนลงทุนขยายธุรกิจเพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ การกู้เงินลงทุน ภาระดอกเบี้ย และรายได้จากโอนโครงการที่พักอาศัย Dusit Residences ที่จะเข้ามาในปีนี้

แผนลงทุนตามกลยุทธ์ 9 ปี (2559-2568) ของกลุ่มดุสิตธานี 

1. ช่วงสร้างฐาน (2559-2561) ช่วง 3 ปีแรก โฟกัสการสร้างคน วัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาทักษะพนักงาน ยกระดับศักยภาพของแบรนด์ “ดุสิตธานี” ให้ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์

2. ช่วง Take Off (2562-2565) ขยายการเติบโตทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา และขยายสู่ธุรกิจอาหาร ด้วยการจัดตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด รวมถึงการเดินหน้าลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท  ในช่วงนี้เจอกับผลกระทบโควิด-19 รายได้ธุรกิจโรงแรมลดลง

3. ช่วง Unlock Value (2566-2568) เป็นช่วงเก็บเกี่ยวการเติบโตจากการลงทุนไปก่อนหน้านี้ ทั้งจากธุรกิจโรงแรม จากปี 2559 มีโรงแรม 27 แห่งใน 8 ประเทศ ปัจจุบัน ณ ไตรมาสแรกปี 2568 กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและวิลล่าภายใต้การบริหารจัดการรวม 294 แห่ง จำนวนห้องพักรวม 12,909 ห้อง ใน 18 ประเทศ เป็นโรงแรม 55 แห่งและวิลล่าหรู 239 แห่ง

ในปี 2568 จะรับรู้รายได้จากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เต็มปี หลังจากเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567   ไตรมาส 4 ปีนี้รับรู้รายได้จากการโอนโครงการ Dusit Residences 

รวมทั้งรายได้จากการลงทุนในธุรกิจอาหารผ่านบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันลงทุนใน บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด, บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) มีสาขารวมทั้งสิ้น 99 แห่ง ทั้งในประเทศไทย จีน และเวียดนาม และมีโรงงานผลิตเบเกอรี่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำธุรกิจอาหารเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO)

แจงขาดทุน 5ปี แบกภาระดอกเบี้ยจ่าย จากเงินกู้ลงทุน-ไม่เพิ่มทุน

จากแผนการลงทุนตามกลยุทธ์ 9 ปี ซึ่งมีโครงการบิ๊กโปรเจกต์ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” รวมอยู่ด้วย  ทั้งหมดเป็นการลงทุนที่ไม่มีการเพิ่มทุน ปัจจุบันดุสิตธานียังคงมีทุนจดทะเบียน 850 ล้านบาทเท่าเดิม ดังนั้นการลงทุนจึงใช้วิธีออกหุ้นกู้และเงินกู้ธนาคาร 8 แห่ง โดยมีหนี้สิน 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ 4,000 ล้านบาท และเงินกู้ 6,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 5.5%

ในปี 2567 ดุสิตธานีมีรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11,345 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย  (EBITDA) 1,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.4%

แต่เนื่องจากมีภาระดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายเพื่อรองรับสภาพคล่องทางการเงินในช่วงโควิด-19 และดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ประมาณ 281 ล้านบาท รวมถึงดอกเบี้ยของหนี้สินจากสัญญาเช่าตามมาตรฐานการรายงานการเงินฉบับที่ 16 (TFRS 16) ประมาณ 297 ล้านบาท รวมเป็นต้นทุนทางการเงินประมาณ 578 ล้านบาท จึงทำให้มีตัวเลขขาดทุนสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ 237 ล้านบาท  หากไม่รวมต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย ดุสิตธานียังมีกำไรจากการดำเนินงาน

แนวโน้มภาระดอกเบี้ยจ่ายจะเริ่มลดลง หลังจากเริ่มโอนโครงการที่พักอาศัย Dusit Residences ที่ขายได้แล้ว 90% มูลค่า 16,000 ล้านบาท  โดยจะเริ่มทยอยโอนไตรมาส 4 ปีนี้ ต่อเนื่องถึงปี 2569  โดยจะนำเงินก้อนใหญ่คืนเงินกู้ธนาคาร และทำให้กลุ่มดุสิตธานีกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้ง

ปี 68 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-25%  

สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2568 ดุสิตธานี ตั้งเป้าหมายรายได้ 9,000 ล้านบาท เติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2567 (ไม่รวมรายได้จากการส่งมอบงานโครงสร้างพื้นที่อาคารค้าปลีกของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค “Bare Shell”)

โดยเป็นการเติบโตของธุรกิจโรงแรม 20-25% ธุรกิจอาหาร 10-15% ธุรกิจการศึกษา 10-12% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 100% (ไม่รวม Bare Shell)

ไตรมาสแรก ปี 2568  ทำรายได้ 2,334  ล้านบาท กำไร 47 ล้านบาท

“ปีนี้น่าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ มั่นใจว่าด้วยเครื่องยนต์ทุกเครื่องของธุรกิจที่วางฐานไว้ และค่อยๆ สร้างการเติบโต จะสะสมพลังให้ภาพรวมของกลุ่มดุสิตธานีกลับมาเติบโตและสร้างกำไรได้ในอนาคตอันใกล้” 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like