HomeBrand Move !!ททท. เผยตัวเลขนักท่องเที่ยว 4 เดือนแรก ปี 68 ถึงเวลาไทยมุ่งสู่ “นักท่องเที่ยวคุณภาพ” มั่นใจปีนี้เม็ดเงินทะลุเป้า 2.78 ล้านล้าน

ททท. เผยตัวเลขนักท่องเที่ยว 4 เดือนแรก ปี 68 ถึงเวลาไทยมุ่งสู่ “นักท่องเที่ยวคุณภาพ” มั่นใจปีนี้เม็ดเงินทะลุเป้า 2.78 ล้านล้าน

ผู้ว่า ททท. เผยตัวเลขนักท่องเที่ยว 4 เดือนแรก ปี 68 จีนลดลงมากที่สุด แนะภาครัฐเร่งเข้มงวดใช้กฏหมายและสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยว

แชร์ :

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก เห็นได้จากปริมาณนักท่องเที่ยวในห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ขณะเดียวกันก็มีเสียงจากผู้ประกอบการต่างๆโอดครวญถึงผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ บางรายอยู่ได้แต่บางรายถึงกับต้องปิดตัวลง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Brand Buffet ถึงสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวไทย และประเด็นต่างๆ ว่า 

 

จากรายงานสรุปจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแบ่งตามรายสัญชาติ พบว่าตั้งแต่ ม.ค. 2568 – 18 พ.ค.2568 นักท่องเที่ยวภาพรวมอยู่ที่ 13.4 ล้านคน ลดลง 1.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567  โดยประเทศที่มีอัตราการลดลงมากที่สุด คือ “จีน” เดินทางมา 1,829,439 คน ลดลง 32.05% หรือประมาณ 860,000 คน จากเดิมปี 2567 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย  2,692,700 คน

 

จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย  (1 ม.ค. 2568 – 18 พ.ค.2568)

  • จีน  1,829,439 คน (-32.05%)
  • มาเก๊า 11,844  คน  (-24.21%)
  • ฮ่องกง  227,446 คน   (-22.17%)
  • เวียดนาม  292,075 คน (-16.34%)
  • เกาหลีใต้  637,553 คน (-15.79%)

 

แม้ว่าตลาดอาเซียนและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจะหดตัวลง เนื่องด้วยขาดความเชื่อมั่นและความปลอดภัยต่างๆ ทั้งแกงค์คอลเซนเตอร์ ธุรกิจสีเทาผิดฏหมาย และ แผ่นดินไหว  แต่กลุ่มเอเชียอีกหลายประเทศกลับมาอัตราการเพิ่มขึ้น โดยตลาดสำคัญๆ เช่น  ศรีลังกา (+91%) ภูฐาน (+50.4%)  ฟิลิปปินส์  (+32%)  อินเดีย (+15%)  เป็นต้น  พร้อมกับการขยายตัวของภูมิภาคอื่นๆ  ซึ่งทำให้ภาพรวมทั้งประเทศตลอดช่วง เดือนกว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 13.4 ล้านคน ลดลงไป 239,210 คน จากปี 2567 หรือคิดเป็นอัตรา 1.75% 

 

 

อัตราการขยายตัวแบ่งตามกลุ่มประเทศภูมิภาคต่างๆ

  • ยุโรป 3,660,000 คน (+16.41%)
  • กลุ่มอเมริกา 661,041 คน   (+12.88%)
  • โอเชียเนีย  347,051 คน  (+15.68%) 
  • ตะวันออกกลาง 358,246  คน  (+32.05%)
  • แอฟริกา 62,749 คน  (+33.44%) 
  • เอเชีย 8.31 ล้านคน  (-10.55%) 

 

 

 

ปรับโครงสร้างใหม่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ

 

นางสาวฐาปนีย์ อธิบายเสริมว่า “ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนปีที่แล้วทั้งปี 6.7 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของทั้งตลาด  การที่นักท่องเที่ยวลดลง มีส่วนมาจากผลกระทบของ ธุรกิจสีเทา คอลเซ็นเตอร์   การลักพา  รวมไปถึง เหตุการณ์แผ่นดินไหว  ยิ่งทำให้มีความหวาดกลัว  โดยเฉพาะภาพข่าวตึกถล่มก็อยู่ในโซเซียลมากมาย จึงทำให้ตัวเลขของจีนก็เลยตกค่อนข้างเยอะ  ประกอบกับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศจีนเอง และ การเล่นกลยุทธ์ราคาของประเทศเวียดนาม 

 

เราคิดว่าสามารถทดแทนตัวเลขของจีนได้  แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่จากการประมาณการณ์จำนวนรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 5%  อย่างแน่นอน (หรือราว 2.78 ล้านล้านบาท ) ซึ่งหมายถึงเราเข้าถึงนักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น  เน้นในเรื่องมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ได้ทั้งคุณภาพและได้ปริมาณ จากการขยายไปตลาดใหม่ๆ 

แต่นักท่องเที่ยวแบบ Mass เราก็ยังคงต้องการ แต่ถึงเวลาปรับโครงสร้างให้เกิดนักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น พร้อมกับปราบปรามธุรกิจสีเทากินรวบ ให้เหลือน้อยลง เพื่อเพิ่มสัดส่วนกลุ่ม FTI ให้ใช้จ่ายกับธุรกิจในประเทศจริง”

 

 

 

เจาะประเทศใหม่ทดแทน “จีน”

กลุ่มตลาดคุณภาพที่สามารถทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ที่หายไป  คือ ประเทศกลุ่ม South Asia  อย่าง อินเดียจะมาช่วยทดแทน เพราะจำนวนทะลุเป้าไปถึง 8-9 แสนราย ตั้งเป้าให้ถึง 2.4-2.5 ล้านคนทั้งปี  เพราะมีการเพิ่มเที่ยวบินและเพิ่มเครื่องบินใหม่มายังไทยด้วย  รวมไปถึงตลาดยุโรปเช่นกันที่โต 16.6% หรือคิดเป็น 3.6 ล้านคน

หรือกลุ่ม Middle East  อย่างคูเวต  จอร์แดน  บาร์เรน ที่มีอัตรากำลังการซื้อสูงต่อหัว และประเทศที่มาแรง คือ ซาอุดิอาระเบีย ที่ได้อานิสงส์จากการเปิดสัมพันธไมตรีใหม่ทำให้มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 5.5 หมื่นคน ซึ่งแซงหน้า UAE ที่ทำตลาดมานานกว่า จึงตั้งเป้าดันจำนวนนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียให้ถึง 2 แสนคนขึ้นไป

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) ที่เติบโตเกือบทุกประเทศ จนมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็น Million Market เติบโต 14% หรือ 1.1. ล้านคนไปแล้ว

 

 

คัมภีร์  ดอก ดันการท่องเที่ยวไทย(อีกครั้ง)

 

1. ได้ความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ/ธุรกิจสีเทา คือ ต้องสร้างความเชื่อมั่น มีความปลอดภัยระหว่างท่องเที่ยว โดยภาครัฐต้องจริงจังในการใช้กฏหมาย 

2. ได้คุณภาพสินค้าและบริการ  คือ แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรม/สิ่งอำนวยความสะดวก แก่นักท่องเที่ยว การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว

3.ได้ประสบการณ์  คือ  สร้างความประทับใจและรู้สึก wow แล้วนักท่องเที่ยวจะยอมจับจ่ายในราคาที่สูงขึ้น 

” wow  ยุคนี้คือ  Sustainability + Innovation   ตัวอย่างเช่น ฉงชิงที่การท่องเที่ยวเติบโตสูงสุดของโลก  มีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และ นวัตกรรม รวมไปถึงกำลังต่อยอดไปเรื่องความยั่งยืน  ความปลอดภัยในการท่องเที่ยว  เช่น  ตำรวจคุมตลอดในสถานทีท่องเที่ยว หรือ จุดคัดกรองจำนวน “

 

เร่งสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย สู่ Premium & Preferred Destination 

สำหรับไทยเองต้องสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยให้ต่อเนื่อง และ พัฒนาสินค้า/บริการให้ดียิ่งขึ้น  เพื่อให้ประเทศไทย Premium & Preferred Destination  การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ทุกคนอยากมาในราคาที่เหมาะสม  ได้ทั้งคุณค่าและประสบการณ์ 

 

ขณะเดียวกันภายในประเทศไทย ก็ต้องกระตุ้นไทยเที่ยวไทยด้วย อย่างเช่นจะมีมาตรการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เริ่มได้ใช้กรกฎาคมนี้ และต้องทำอีเว้นท์ บันเทิง สร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้คนได้ท่องเที่ยว 

 

นอกจากนี้ผู้ว่าฯ ยังเสนอทิ้งท้ายว่า รัฐบาลต้องจริงจังกับการปราบปรามธุรกิจสีเทา และใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด  เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว  รวมไปถึงการเจรจากับรัฐบาลจีนระเบียบในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวจีนก่อนมาประเทศไทยที่สร้างความกลัวให้กับนักท่องเที่ยวเกินไป


แชร์ :

You may also like