shutterstock
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเปิดให้ผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ยื่นคำขออนุญาตต่อ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2567 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2567 ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ยื่นคำขออนุญาตจำนวนทั้งสิ้น 5 ราย นั้น
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank 3 รายดังนี้
1. บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด (แอสเซนด์ มันนี่ เครือซีพี)
2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) WeTechnology Limited KakaoBank Corp.
ไทม์ไลน์การจัดตั้ง Virtual Bank
1. วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank
2. วันที่ 19 มิถุนายน 2568 – 19 มิถุนายน 2569 ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual Bank เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ก่อนยื่นขอรับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank จากกระทรวงการคลัง (รวมเวลาไม่เกิน 1 ปี) ตามขั้นตอนดังนี้
– จัดตั้งบริษัทมหาชน
– ทุนจดทะเบียนและการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้น
– ความพร้อมในการประกอบกิจการตามแผนด้าน People/ Process / System และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
3. ผู้ที่ผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ยื่นขอรับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank ต่อ ธปท. จากนั้นเสนอความเห็นกระทรวงการคลังพิจารณาออกใบอนุญาต
4. วันที่ 19 มิถุนายน 2569 Virtual Bank ที่มีความพร้อมเริ่มให้บริการ
คนไทยได้อะไรจากการมี Virtual Bank
1. สถานการณ์ระบบการเงินไทยในปัจจุบัน
– น้อยกว่า 50% ของ SMEs รายเล็กเข้าถึงสินเชื่อสถาบันการเงิน
– ผู้มีรายได้น้อย / ไม่มีรายได้ประจำจำนวนมาก ต้องกู้เงินนอกระบบ ดอกเบี้ย 100-300%
– สัดส่วน 76% ของผู้มีรายได้น้อย / ไม่มีรายได้ประจำ มีเงินออมเผื่อต้องหยุดงานกะทันหันไม่ถึง 6 เดือน
2. Virtual Bank จะนำเทคโนโลยี ข้อมูลและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล เพื่อเสนอบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดีขึ้น
3. มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น โดยเฉพาะ SMEs รายเล็ก กลุ่มรายได้น้อย / ไม่มีรายได้ประจำ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ร้านค้าขนาดเล็ก เกษตรกร
4. ได้รับบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ หลากหลาย และเหมาะสมขึ้น เช่น สินเชื่อ SMEs รายเล็กที่กำหนดจ่ายคืนสอดคล้องกับรายรับ ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่เลือกงวดการออมที่เหมาะสมกับงวดรายรับ
5. ได้รับบริการทางการเงินที่ดีขึ้น เช่น ต้นทุนถูกลง บริการเร็วขึ้น จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินที่มากขึ้น
หม่อมหลวง ปีกทอง ทองใหญ่
OR ร่วมกับ KTB – AIS ขับเคลื่อนธุรกิจ Virtual Bank
หม่อมหลวง ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า OR ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาแล้วเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568
OR เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไทยทั้งสามแห่งในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ด้วยจุดแข็งของพันธมิตรที่ครอบคลุมทั้งระบบการเงิน โทรคมนาคม และค้าปลีก ทำให้มีความพร้อมด้านข้อมูล เทคโนโลยี และเครือข่ายช่องทางให้บริการ (Physical Outlets) ที่แข็งแกร่ง โดย OR สามารถร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตรงใจผู้บริโภคให้กับฐานลูกค้าทั้ง B2C และ B2B ของ OR ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station กว่า 2,500 แห่ง และร้านคาเฟ่อเมซอนกว่า 4,000 แห่ง ที่เป็น Touchpoint กับผู้บริโภค
คุณภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน OR เพิ่มเติมว่า การดำเนินธุรกิจ Virtual Bank ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ OR ในการขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจและขยายเครือข่ายลูกค้าจากการเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างให้เกิด Inclusive Financing สอดคล้องตามเป้าหมายนโยบาย ธปท. และวิสัยทัศน์ของ OR “Empowering all towards Inclusive Growth”
“แอสเซนด์มันนี่” สร้างโอกาสทางการเงินที่เท่าเทียม
“แอสเซนด์ มันนี่” นำโดย บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเวอร์ชวลแบงก์อย่างเป็นทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทย เดินหน้าขยายบริการทางการเงิน ผ่านการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และยกระดับความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้คนไทย
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (เครือซีพี) และประธานคณะกรรมการ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่าในฐานะผู้ถือหุ้นหลักของ แอสเซนด์ มันนี่ เชื่อมั่นว่าเวอร์ชวลแบงก์จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเงินได้อย่างเท่าเทียม สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งในมิติของการสร้างสรรค์นวัตกรรม การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเครือซีพี ในการสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาส (Platform of Opportunity) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลที่แข็งแกร่ง เพื่อเปิดทางให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียมและเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศให้มั่นคง
“เครือเจริญโภคภัณฑ์จะสนับสนุน แอสเซนด์ มันนี่ อย่างเต็มที่ เพื่อให้ธนาคารดิจิทัลแห่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้เป็นพลังสำคัญในการยกระดับประเทศสู่อนาคตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสได้อย่างแท้จริง”
คุณธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่าใบอนุญาตจัดตั้งเวอร์ชวลแบงก์ที่ แอสเซนด์ มันนี่ ได้รับ จะเข้ามาเสริมศักยภาพให้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้นผ่านบริการธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตอบรับความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้
โดยจะใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีด้าน AI และ Data Analytics ในการนำเสนอบริการที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และแก้ปัญหาได้จริง โดยเป้าหมายสำคัญคือการลดความเหลื่อมล้ำและสนับสนุนการเติบโตทางการเงิน ให้กับทั้งลูกค้ารายย่อย และลูกค้าธุรกิจ ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบการ SMEs
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แอสเซนด์ มันนี่ ได้ขยายการเข้าถึงทางการเงิน โดยพัฒนาหนึ่งในแอปพลิเคชันการเงินดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายที่สุดในภูมิภาคอย่าง ทรูมันนี่ (TrueMoney) ซึ่งปัจจุบันให้บริการแก่ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกว่า 34 ล้านคนทั่วประเทศ โดยทรูมันนี่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อผู้คนจำนวนมากเข้ากับเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านบริการใช้จ่าย ออม ลงทุน การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และการสร้างหลักประกันเพื่ออนาคต
ตัวเลขที่เห็นได้ชัดคือ ลูกค้าสินเชื่อของ แอสเซนด์ มันนี่ มากกว่า 50% ได้รับการอนุมัติสินเชื่อเป็นครั้งแรกกับบริษัทฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากระบบการเงินแบบเดิมได้ แต่ด้วยการที่ แอสเซนด์ มันนี่ พัฒนาโมเดลสินเชื่อที่นำเทคโนโลยี AI และข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) มาใช้ ก็ได้ทำให้พวกเขาเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ เจ้าของธุรกิจรายย่อย และเกษตรกร สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำเป็นผ่านการให้บริการสินเชื่อที่มีความรับผิดชอบ (Responsible lending)
ปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียวได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยเบี้ยน้อย จ่ายสบาย เป็นจำนวนเกือบ 1 ล้านฉบับ เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากซึ่งไม่เคยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านประกันมาก่อน สามารถสร้างความมั่นคงให้ชีวิตตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้านักลงทุนในกองทุนรวมที่มีกว่า 70% ยังเป็นผู้ที่เริ่มลงทุนเป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ แอสเซนด์ มันนี่ ในการขยายการเข้าถึงเครื่องมือการเงินที่สร้างความมั่นคงในชีวิตให้ผู้คน
ภายในระยะเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้ แอสเซนด์ มันนี่ จะเปิดตัวบริษัทและเวอร์ชวลแบงก์ ที่ดำเนินการภายใต้กฏเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยรายละเอียดของผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ จะมีการเปิดตัวและนำเสนออย่างเป็นทางการต่อไป
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE