HomeDigitalLenovo เปิดทิศทางการลงทุนด้าน AI พบเอเชียแปซิฟิกตั้งเป้าลงทุนเพิ่ม 3.3 เท่า

Lenovo เปิดทิศทางการลงทุนด้าน AI พบเอเชียแปซิฟิกตั้งเป้าลงทุนเพิ่ม 3.3 เท่า

แชร์ :

Lenovo เผยทิศทางการลงทุนด้าน AI ของภาคธุรกิจทั่วโลกรวมถึงภูมิภาค APAC โดยพบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการ ROI หรือผลตอบแทนของการลงทุนเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ข้อมูลดังกล่าวปรากฏอยู่ใน Lenovo’s CIO Playbook 2025 ซึ่งจัดทำขึ้นโดย Lenovo และข้อมูลจาก IDC ซึ่งเป็นการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามจากทั่วโลกกว่า 2,900 คน รวมถึงเหล่าผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีกว่า 900 คน ใน 12 ตลาดทั่วในเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ อินเดีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และอาเซียนพลัส (ไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง,ไต้หวัน ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย)

ผลการสำรวจดังกล่าวชี้ว่า การลงทุนด้าน AI ต้องมี ROI หรือผลตอบแทนของการลงทุนเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยกลุ่มธุรกิจในเอเชีย แปซิฟิค มีแผนลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นถึง 3.3 เท่า ส่วนธุรกิจในอาเซียนพลัส มีแผนการลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า

การประยุกต์ใช้ AI ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และ ROI คืออุปสรรคสำคัญ

แม้ว่าการลงทุนด้าน AI มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประยุกต์ใช้ AI ของธุรกิจในกลุ่มอาเซียนพลัสยังถือว่าอยู่ในสถานะเริ่มต้น โดยผลสำรวจพบว่า 47% ของธุรกิจในอาเซียนพลัสอยู่ในขั้นตอนการประเมิน หรือวางแผนการนำ AI มาใช้งานทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจในเอเชีย แปซิฟิค (56%) และทั่วโลก (49%)

อุปสรรคสำคัญของการนำ AI มาใช้คือ ROI โดยจากผลสำรวจพบว่า สิงคโปร์เป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียนพลัส โดยเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้วยความพร้อมด้าน AI ที่ล้ำหน้า และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนพลัสยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI มาใช้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านทรัพยากร และความเชี่ยวชาญ

การทำให้ AI นำมาซึ่ง ROI นั้น ต้องอาศัยความสมดุลระหว่างการทดลองใช้งาน AI กับการมีโครงการที่สามารถขยายผลได้ โดยประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ธุรกิจและองค์กรในเอเชีย แปซิฟิค คาดหวังที่จะได้รับ ROI ถึง 3.6 เท่าโดยเฉลี่ยจากการลงทุนในโปรเจ็ค AI ต่าง ๆ ซึ่งการที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงได้นั้น ต้องอาศัยความรอบคอบในการขยายการใช้งาน AI และการพัฒนาศักยภาพภายในองค์กรไปพร้อม ๆ กัน

ส่วนธุรกิจในกลุ่มอาเซียนพลัสที่เพิ่งเริ่มใช้งาน AI นั้น การเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบซัพพลายเชน, การพัฒนาข้อปฎิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบส่วนกลาง และการเสริมประสิทธิภาพให้การทำงานของพนักงาน เพื่อตัวช่วยเพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจ เช่น การบริหารจัดการข้อมูล การสร้างความเชี่ยวชาญด้าน AI และการสร้างความปลอดภัยของข้อมูล เป็นหัวข้อที่ธุรกิจในกลุ่มอาเซียนพลัสให้ความสำคัญ

ผลสำรวจนี้ยังพบด้วยว่า มีเพียง 24% ของธุรกิจและองค์กรระดับโลก และ 25% ของธุรกิจและองค์กรในเอเชีย แปซิฟิค ที่การบังคับใช้นโยบาย GRC หรือการกำกับดูแลกิจการ การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ โดยสมบูรณ์ สำหรับธุรกิจในอาเซียนพลัสนั้นพบว่า มีเพียง 24% ที่มีการดำเนินการนโยบาย AI GRC ในระดับองค์กรอย่างครบถ้วน

AI PC ได้รับความนิยมที่เพิ่ม

ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ที่มาพร้อมความสามารถในการใช้งาน AI หรือ AI PC กำลังได้รับความสนใจ โดยผลสำรวจธุรกิจในเอเชีย แปซิฟิค พบว่า กว่า 43% เริ่มเห็นประสิทธิภาพการใช้งาน AI PC อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามแม้ประสิทธิภาพที่ได้รับนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจน แต่การนำ AI PC มาใช้งานยังคงมีเกณฑ์ที่ต่ำ

สำหรับในอาเซียนพลัส ธุรกิจกว่า 65% กำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนนำ AI PC มาประยุกต์ใช้ ซึ่งเชื่อว่าหากเทคโนโลยี AI PC มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และสามารถสร้าง ROI ได้อย่างชัดเจน การนำ AI PC มาใช้งานจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเพื่อก้าวสู่การทำงานแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง

ไอทีพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญคือสิ่งที่ธุรกิจต้องการ

เพื่อรองรับการใช้งาน AI บรรดา CIO กว่า 34% ในเอเชีย แปซิฟิค และ 44% ในอาเซียนพลัส ต่างมองหาพาร์ทเนอร์ทางไอทีที่มีความเชี่ยวชาญในโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อบริหารจัดการความซับซ้อนของการจัดการข้อมูล, ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และปัญหาเรื่องงบประมาณ โดยที่น่าสนใจคือ CIO ของธุรกิจในอาเซียนพลัส กว่า 56% กำลังมองหาและวางแผนที่จะใช้งานไอทีพาร์ทเนอร์เหล่านี้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการมีพาร์ทเนอร์ทางไอทีจะช่วยปิดช่องว่างดังกล่าว ทั้งยังเพิ่มโอกาสและเวลาขององค์กรเพื่อสร้างทักษะให้บุคลากร และสร้างการเติมโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนแก่ธุรกิจ

Matt Codrington รองประธานและผู้จัดการทั่วไประดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Lenovo กล่าวว่า “การนำ AI มาเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระแสในระยะเวลาสั้น ๆ ธุรกิจและองค์กรจำเป็นต้องลงทุนในการสร้างระบบ การติดตั้ง และการใช้งาน AI โซลูชันต่าง ๆ ที่สามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้เองผู้ให้บริการ AI โซลูชันจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยธุรกิจเพื่อนำ AI ที่สามารถวัดผลได้มาใช้งาน อาธิ ตัวโซลูชัน Lenovo’s AI Fast Start ที่สามารถเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น ผ่านการเริ่มต้น ทดลอง ปรับแต่ง และเพิ่มขอบเขตของงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเฟรมเวิร์คการทำงานที่ได้รับการทดสอบมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพ”

คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไป เลอโนโว ประจำไทย และภูมิภาคอินโดจีน กล่าวปิดท้ายว่า “อย่างที่ทราบกันดีว่า ไทยได้มีการวางเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาคอาเซียน และธุรกิจในไทยก็กำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลโดยมีโฟกัสหลักคือการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สามารถวัดค่าได้และมีจริยธรรมให้แก่ธุรกิจ เลอโนโวอยู่คู่กับคนไทยและธุรกิจในไทยมากว่า 20 ปี ด้วยเป้าหมายในการเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจและองค์กรในไทย รวมถึงการใช้งานเทคโนโลยีส่วนบุคคลสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในการประยุกต์ใช้ AI และใช้ AI เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้อย่างแท้จริงผ่านพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ของเลอโนโวที่มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้งาน AI ทั้งในอุปกรณ์, ระบบโครงสร้างเพื่อรองรับการใช้งาน AI, โซลูชั่นและบริการ เพื่อเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโตระยะยาว เสริมประสิทธิภาพความได้เปรียบในการแข็งขันทางธุรกิจ และเพื่อเป็นผู้นำการใช้งาน AI ระดับภูมิภาคและสร้างเศรษฐกิจที่ผลักดันด้วย AI”

 


แชร์ :

You may also like