HomeBrand Move !!Bolt รุกตลาด Ride-Hailing ชู “ราคาต่ำกว่าคู่แข่ง-ฟีเจอร์ความปลอดภัย”

Bolt รุกตลาด Ride-Hailing ชู “ราคาต่ำกว่าคู่แข่ง-ฟีเจอร์ความปลอดภัย”

แชร์ :

จากข้อมูลในรายงาน e-Conomy SEA 2024 (จัดทำโดย Google, เทมาเส็กและ Bain & Company) เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ที่ระบุว่า ภาคการขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ของไทยมีโอกาสเติบโตจนมีมูลค่าแตะ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้ภายในปี 2030 (ปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) อาจทำให้หลายคนต้องหันมาจับตาการแข่งขันของตลาดในตอนนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากจะมีเจ้าใหญ่อย่าง Grab, LINE MAN ที่แข่งกันอย่างดุเดือดแล้ว น้องใหม่มาแรงจากเอสโตเนียอย่าง Bolt ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ขอเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวไทยด้วยราคาค่าบริการที่ต่ำกว่า และการคิดคอมมิชชั่นกับคนขับที่ต่ำกว่าผู้นำตลาด

นอกจากนั้น Bolt ยังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม (เป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก ภายใต้งบลงทุน 100 ล้านเหรียญยูโร หรือประมาณ 3,708 ล้านบาท)  ได้แก่ ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และรหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes) เนื่องจากต้องการยกระดับความปลอดภัยให้ครอบคลุมทั่วทั้งแพลตฟอร์มในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ไป

คุณณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าวถึงแผนการรุกตลาดไทยของ Bolt ด้วยจุดแข็งด้านราคาและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยว่า ต้องการแสดงให้เห็นว่า Bolt มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

“ผู้ติดต่อฉุกเฉิน – รหัส 4 หลัก” ทำงานอย่างไร

สำหรับฟีเจอร์ “ผู้ติดต่อฉุกเฉิน” (Trusted Contacts) อนุญาตให้ผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่เพิ่มชื่อเพื่อนหรือชื่อสมาชิกในครอบครัวลงในบัญชีผู้ใช้งานของตนได้ หากทีมความปลอดภัยของโบลท์ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบัญชีได้โดยตรงในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดต่อที่ได้กำหนดไว้แทน

ส่วนรหัสรับผู้โดยสาร 4 หลัก เป็นการทำเพื่อให้มั่นใจว่า ผู้โดยสารไม่ได้ขึ้นรถผิดคัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความแออัดในช่วงเวลากลางคืน หรือในกรณีที่ผู้โดยสารไม่สามารถจดจำยานพาหนะที่ถูกต้องได้

เมื่อผู้โดยสารเปิดใช้ฟีเจอร์ รหัสแบบสุ่มทั้ง 4 หลักจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอการเดินทาง จากนั้นผู้ขับขี่จะได้รับการแจ้งเตือนรหัสดังกล่าวเพื่อยืนยันการมาถึงในแอปพลิเคชัน โดยคนขับจำเป็นต้องกรอกรหัสรับผู้โดยสารที่ถูกต้องเพื่อให้มั่นใจว่าการจับคู่เป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยก่อนจึงจะออกเดินทางได้

เปิดข้อมูล “Bolt” โตแค่ไหน และยืนอยู่จุดใดของโลก

นอกจากชูจุดเด่นด้านราคา และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแล้ว จากการเปิดเผยเพิ่มเติมของคุณณัฐดนย์ยังพบว่า ปัจจุบัน ฐานผู้ใช้งาน Bolt มีราว 200 ล้านคนทั่วโลก โดยกลุ่มผู้ใช้งานหลักอยู่ในสหภาพยุโรป (สำนักงานใหญ่ของ Bolt อยู่ในประเทศเอสโทเนีย) และมีพนักงานรวมกัน 4,000 คน (บริษัทไม่มีทีมพัฒนาในประเทศไทย โดยตัวซอฟต์แวร์พัฒนาจากสำนักงานใหญ่ในเอสโทเนีย)

หรือในส่วนของทีมงาน บริษัทไม่มีการเปิดเผยตัวเลขทีม Support ผู้ใช้งานในประเทศไทยแต่อย่างใด โดยระบุแต่เพียงว่ามีทั้งพนักงาน Internal และก็มีพนักงานระดับ Global คอยดูแลร่วมด้วย

สำหรับตลาดไทย ปัจจุบัน Bolt มีตัวตนแล้วใน 35 จังหวัดของไทย และมีแผนเปิดตัวเพิ่มอีกราว 10 จังหวัดในปีนี้ โดยเน้นไปที่ภาคใต้ และจังหวัดที่มีการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากผู้ใช้บริการส่วนหนึ่งของ Bolt เป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรปที่รู้จักบริการนี้เป็นอย่างดี เมื่อมาเที่ยวประเทศไทยจึงมีการเรียกใช้ Bolt เป็นทางเลือกลำดับต้น ๆ

ส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทย เทียบกับชาวต่างชาติบนแพลตฟอร์ม Bolt คุณณัฐดนย์เผยว่า ไม่ต่างกันมากนัก นั่นคือต้องการราคาค่าบริการที่จับต้องได้

ส่วนบริการที่เปิดในไทยแล้วก็คือ Ride-Hailing และการส่งพัสดุ แต่ในสหภาพยุโรปพบว่า บริษัทยังมีบริการอื่น ๆ เช่น Food Delivery, Micro Mobility (e-scooter) ฯลฯ รวมอยู่ด้วย

สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Bolt เปิดให้บริการ (เมื่อ 3 ปีที่แล้ว) และล่าสุด Bolt ก็เพิ่งเปิดตัวในประเทศมาเลเซียด้วยเช่นกัน แต่บริษัทไม่มีการเปิดเผยตัวเลข Riders ของประเทศไทย รวมถึงของภูมิภาคแต่อย่างใด


แชร์ :

You may also like