HomeBrand Move !!เป๊ปซี่ ครองเบอร์ 1 ยอดขายสูงสุดในพอร์ต ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคฯ กางแผนบุกหนักตลาดเครื่องดื่ม “ผุดโรงงาน-ปรับสูตร” สู้ภาษีความหวาน

เป๊ปซี่ ครองเบอร์ 1 ยอดขายสูงสุดในพอร์ต ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคฯ กางแผนบุกหนักตลาดเครื่องดื่ม “ผุดโรงงาน-ปรับสูตร” สู้ภาษีความหวาน

แชร์ :

สะเทือนตลาดเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงที่ผ่านมา เมื่อ “ภาษีน้ำตาล” (ภาษีความหวานในเครื่องดื่มของประเทศไทย) กำลังจะมีผลบังคับใช้ระยะที่ 4 (อัตราก้าวหน้าทุก 2 ปี) โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.2568  ซึ่งจะมีอัตราภาษีตั้งแต่ 0.3 บาทต่อลิตร ไปถึงสูงสุดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากมาตรการดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการต่างเร่งปรับกลยุทธ์ พัฒนาสูตร (ลดนำ้ตาล) มาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับมาตรการดังกล่าว บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มรายใหญ่ ก็เดินหน้าปรับกลยุทธ์ พร้อมพัฒนาสูตรๆใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอีกระลอก

ล่าสุดในงานประกาศความสำเร็จตลอดระยะเวลา 7 ปีของ  ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ฯ ที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 8.2% โตกว่าภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2 เท่า ส่วนเทรนด์ตลาดเครื่องดื่มในปี 2568 คาดการณ์ว่า จากเทรนด์การดูแลสุขภาพที่มาแรงจะผลักดันให้ตลาดเครื่องดื่ม Low Sugar เติบโตกว่าเครื่องดื่มทั่วไปถึง 3 เท่า ขณะที่ในตลาดน้ำอัดลม น้ำดำจะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 72% ของมูลค่าตลาดน้ำอัดลมทั้งหมด ส่วนน้ำสีจะมีสัดส่วนอยู่ที่  38% กลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงานพรีเมียมมีการเติบโตถึง 5 เท่า ส่วนกลุ่มกาแฟและชาพร้อมดื่มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังในปี 2567 มีการเติบโตราว 11%

 

 

ทุ่มพันล้าน เพิ่มกำลังการผลิต ลุยขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มด้วยนวัตกรรม

คุณทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภาษีความหวาน จะเน้นการปรับสูตรมากขึ้น การขึ้นภาษีความหวานจะเป็นการให้แบรนด์เน้นพัฒนาตลาด แน่นอนอุตสาหกรรมเครื่องดื่มได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย แต่ในส่วนของบริษัทได้มีการปรับตัว ปรับสูตรค่อยๆลดน้ำตาลลง เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ ตามเทรนด์ของรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว”

แผนงานในปี 2568 นี้  ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ฯ จะยังคงสานต่อกลยุทธ์ “Must Win” เพื่อเดินหน้าขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ครอบคลุม 4 กลุ่มเครื่องดื่มหลัก ได้แก่ ชาพร้อมดื่ม, กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม, เครื่องดื่มให้พลังงาน และน้ำอัดลม รวม 10 แบรนด์ดัง อาทิ Pepsi, Mirinda, Lipton, Aquafina, TEA+, BOSS Coffee ,Sting และ Gatorade เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Accelerate portfolio transformation) 

พร้อมกันนี้ยังทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนสูงสุดในรอบ 7 ปี ขยายกำลังการผลิตน้ำอัดลมที่โรงงานในจังหวัดสระบุรีเพิ่มขึ้น 50% พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านการขายและซัพพลายเชน (Sharpen Commercial and Supply Chain Capacity) เพิ่มขีดความสามารถการผลิต และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ รองรับการเติบโตของตลาด

 

คุณทานุจ ชาดา

คุณทานุจ ชาดา

 

เปิดกลยุทธ์ “เป๊ปซี่” เสริมทัพสูตร “ไม่มีน้ำตาล” สร้างรายได้พอร์ตเครื่องดื่มอัดลม

อย่างไรก็ตามปัจจุบันแบรนด์ “เป๊ปซี่” ยังคงเป็นแบรนด์เรือธงในพอร์ตสินค้าของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ฯ โดยสร้างยอดขายเป็นสัดส่วน 75% ของสินค้าทั้งหมด  โดยครองส่วนแบ่งในตลาดน้ำดำอยู่ที่ 39.1% เป็นเบอร์ 2 รองจาก “โค้ก” ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่  51%  จากภาพรวมตลาดน้ำอัดลม 6.6 หมื่นล้านบาท 

จากเทรนด์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ฯ เริ่มทยอยปรับสูตรเครื่องดื่มในพอร์ต โดยลดความหวานลง บางแบรนด์ เช่น 7Up ก็ปรับเป็นแบบ No Sugar 100% รวมไปถึงแบรนด์ “เป๊ปซี่” ที่ได้ทยอยปรับสูตรเพื่อรับเทรนด์ดังกล่าวตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี  โดย “เป๊ปซี่” แบบไม่มีน้ำตาลมีการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16.1% แน่นอนจากนี้ไปจะเดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม (Strengthen Core) โดยส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล

“เป๊ปซี่ บ๊วย” คือหนึ่งไลน์โปรดักต์ที่ทางแบรนด์พัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทย  เนื่องจากรสชาติบ๊วยถือเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่คนไทยชื่นชอบ ดังนั้นการพัฒนาดังกล่าวจึงเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างการเข้าถึงกลุ่ม Gen Z  ที่ชื่นชอบรสชาติใหม่ๆ 

 

 

ส่ง Sting (สติงค์) รับเทรนด์ Modern Energy Drink  ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

นอกจาก “เป๊ปซี่” แล้วอีกหนึ่งแบรนด์เรือธงที่น่าจับตาของทาง  ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ฯ ในปีนี้คือ “สติงค์” แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังรูปแบบใหม่ที่ทางค่ายบอกว่า พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ Modern Energy Drink ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์นิยมตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา  หลังเปิดตัวได้ 1 ปี “สติงค์”  ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีอัตราการซื้อซำ้เป็นที่น่าพอใจ หลังจากนี้ไปจะเป็นช่วงของการสร้างแบรนด์ (Build Brand) ให้ผู้บริโภครับรู้ และเข้าถึงมากยิ่งขึ้น

คุณอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาตลาดชูกำลังมีการแข่งขันรุนแรง โดยภาพรวมตลาดมีการเติบโตถึง 5 เท่า โดยปัจจุบันตลาด Energy Drink แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั่วไปคิดเป็น 93% ส่วนตลาด Modern Energy Drink มีสัดส่วน 7% โดยหลังจากเปิดตัวแบรนด์สติงค์เมื่อปีที่ผ่านมา สามารถทะยานขึ้นเป็นเบอร์ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 12-13%”

 

คุณอนวัช สังขะทรัพย์

คุณอนวัช สังขะทรัพย์

 

“เทรนด์การตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ มีส่วนสำคัญที่ขับคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ 2 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มที่ใช้ชีวิตในบ้าน และออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ส่วนไลฟ์สไตล์ก็เปลี่ยนไป มีการดูแลตัวเอง นึกถึงความยั่งยืนมากขึ้น ให้ความสำคัญกับความความคุ้มค่า คุ้มราคา ตลอจนการเข้ามาจอง Digitization & AI ที่เข้ามามีบทบาท ทั้งหมดถูกนำมาเป็นโจทย์ใหญ่ของบริษัทในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค” คุณอนวัช กล่าว

ขณะที่ภาพรวมแล้วตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มในกลุ่มน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล ทั้งในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มให้พลังงาน โดยบริษัทได้เดินเกมรุกตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ใกล้ชิดกับกลุ่ม Gen Z มากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมแกร่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในกลุ่มชาและกาแฟพร้อมดื่มพรีเมียม ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงขยายการเติบโตในกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงาน ผ่านแคมเปญการตลาด 360 องศา ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ


แชร์ :

You may also like