HomeBrand Move !!ภารกิจ “ณัฐ วงศ์พานิช” นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทยคนใหม่ รับมือ “ภาษีทรัมป์-สินค้าจีนทะลัก” เร่งฟื้นค้าปลีก 4  ล้านล้านบาท

ภารกิจ “ณัฐ วงศ์พานิช” นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทยคนใหม่ รับมือ “ภาษีทรัมป์-สินค้าจีนทะลัก” เร่งฟื้นค้าปลีก 4  ล้านล้านบาท

แชร์ :

“อุตสาหกรรมค้าปลีก” หนึ่งในฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ทว่าท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์โลก สภาพเศรษฐกิจ สงครามการค้า ตลอดจนการปรับขึ้นภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในหลายประเทศรวมไปถึงประเทศไทย ล้วนแต่ส่งผลกระทบทำให้ภาคค้าปลีกและบริการมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจมากนัก 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ด้วยมูลค่าปัจจุบันมูลค่าอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 4 ล้านล้านบาท มีภาคเอกชน ผู้ประกอบการหลายรายรวมตัวกันทำหน้าในการขับเคลื่อนภาคอุตสหากรรมมูลค่ามหาศาลนี้ให้เดินหน้า โดยมี “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย” (THAI RETAILERS ASSOCIATION) เป็นหนึ่งในองค์กรที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนภาคค้าปลีกให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง

ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ของ “คุณณัฐ วงศ์พานิช” ในฐานะประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้เผยถึงทิศทาง แนวโน้ม ตลอดจนสถานการณ์ภาคค้าปลีก ท่ามกลางความไม่แน่นอน พร้อมแนะวิธีปรับตัวรับมือจากนี้ไป

 

“ภาษีทรัมป์-สินค้าจีนทะลัก” ตัวแปรสำคัญที่ต้องรับมือปี 2568

ตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกร ระบุว่า อุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงครึ่งปีหลัง (2568) นี้ คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตในระดับ 3.4% (1.36 แสนล้านบาท) แม้จะยังมีการเติบโตอยู่แต่เมื่อเทียบกับปี 2565-2566 ที่เติบโตในระดับ 5.9% ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อย ซึ่งการเติบโตที่น้อยลงส่วนหนึ่ง ถือว่าเป็นตัวเลขที่ชะลอตัว จากเศรษฐกิจโลก กำแพงภาษีสหรัฐ  ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น แต่ว่าค้าปลีกก็ยังเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมี สัดส่วนมูลค่าใน GDP สูงเป็นอันดับ 2 หรือคิดเป็น 16% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งประเทศ

ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น “คุณณัฐ” ประเมินว่า ปี 2568 นี้ถือเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบภายนอกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เริ่มมาตั้งแต่สถานการณ์แผ่นดินไหว ที่แม้กระทบระยะสั้นแต่ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวมากพอสมควร วิกฤตการค้าโลก หนี้ครัวเรือนของไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของภาคประชาชนให้ถดถอยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการปรับขึ้นภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยที่มีการปรับขึ้นภาษี 37%  นั่นทำให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น สินค้าคุณภาพต่ำทะลัก ทั้งจากจีนและอีกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้ามาจำหน่ายในไทย หรือใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออก (จากผลพวงอเมริกาขึ้นภาษี) เข้ามาทั้งทางตรงและทางอ้อมคาดการณ์ ปัจจัยลบเหล่านี้คาดการณ์ว่าจะทำให้ GDP ลดลง 1-1.4% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้

 

 

เปิด 3 เทรนด์ค้าปลีกโลกสู่ค้าปลีกไทย ผู้ประกอบการต้องปรับตัว

คุณณัฐ ยังบอกอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ภาคค้าปลีกต้องเร่งรับมือ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ พฤติกรรม ให้สอดคล้องกับเทรนด์ค้าปลีกโลกเพื่อสร้างการเติบโต โดยปี 2568 เทรนด์หลักค้าปลีกโลกที่จะขยายเข้ามาสู่ประเทศไทย ประกอบด้วย

  • Convergence Commerce as the New Standard สร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อระหว่างช่องทาง Offline และ Online รวมถึงการผสานร้านค้ารายใหญ่และรายย่อยให้เป็นระบบนิเวศ (Ecosystem) เดียวกัน เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
  • AI Personalization Engine นำเสนอสินค้า โปรโมชั่น และประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่ละรายอย่างเฉพาะบุคคล (Personalization) ด้วยการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อบริหารจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดปริมาณสินค้าคงคลังที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
  • Sustainable Retail ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, ใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน

 

 

ทำให้ค้าปลีกต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ภายใต้กลยุทธ์ 3S (Shield Strike Shape) “ ตั้งรับ-รุกกลับ-ปรับตัว” ได้แก่ 

Shield (ตั้งรับ) : ตรวจจับสินค้าคุณภาพต่ำ ปราบธุรกิจนอมินี ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่วางจำหน่ายในประเทศอย่างเข้มงวด เช่น การมีมาตรฐาน มอก. และฉลากต้องเป็น ภาษาไทย เป็นต้น

Strike (รุกกลับ) : ผลักดันอีคอมเมิร์ซ ดึงนักท่องเที่ยวใช้จ่ายในประเทศ , จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7% กับสินค้าออนไลน์นำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่บาทแรก (จากเดิมสินค้าไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี) โดยออกเป็นกฏหมายบังคับใช้เป็นการถาวร ,ปรับปรุงกฏหมายที่มีข้อจำกัดและไม่ครอบคลุมของ “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” หรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์  โดยเฉพาะสินค้าไม่ได้มาตรฐานราคาถูกที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มข้ามชาติ ,ออกมาตรการรับมือกับสถานการณ์สินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดไทย อันเนื่องมาจากปัญหาการผลิตสินค้าเกินความ  ต้องการภายในประเทศจีน (Oversupply) ซึ่งจีนจำเป็นต้องระบายสินค้าสู่ต่างประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการไทยจนถึงขั้นต้องปิดกิจการหรือมีการเลิกจ้างแรงงาน ตลอดจน เขตปลอดภาษีสำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์ (Shopping Paradise Sandbox)  พิจารณาการลดภาษีนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องหนัง น้ำหอม เป็นต้น

Shape (ปรับตัว) : ปรับลดขั้นตอนการขออนุญาตต่างๆในการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่นการก่อสร้างร้านอาหาร โรงแรม สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ลดหย่อนในการลงทุน ดึงภาคเอกชนเข้าไป ตลอดจนสนับสนุน SME ไทยเติบโอย่างยั่งยืร ดัน Soft Power ไทยสู่เวทีโลก

ทั้งหมดคือภารกิจหลักของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมค้าปลีก อีกหนึ่งหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและมั่นคงในระยะยาวต่อไป

 

 


แชร์ :

You may also like