ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชื่อของ Chagee ร้านชาชงสดพรีเมียมจากจีนแผ่นดินใหญ่ ได้กลายเป็นแบรนด์ที่นักลงทุนต่างจับตา หลัง Chagee ตัดสินใจเข้า IPO ในตลาดหุ้น Nasdaq ของสหรัฐอเมริกาท่ามกลางความตึงเครียดด้านมาตรการทางเศรษฐกิจระหว่างสองชาติ
โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ หลังการ IPO ของ Chagee เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ทะยานขึ้นไปถึง 40% ในช่วงเวลาสั้น ๆ ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ “จาง จุนเจี๋ย” (Zhang Junjie) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารวัย 30 ปีของ Chagee พุ่งขึ้นไปถึง 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 86,702 ล้านบาท (อ้างอิงจาก Bloomberg Billionaires Index)
Chagee ชาชงสดที่ก่อตั้งในปี 2017
เรื่องของเวลาก็เป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจของ Chagee โดย จาง จุนเจี๋ยก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 2017 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีร้านน้ำชามากกว่า 6,400 แห่งในจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024) โดยปัจจุบัน ร้านของ Chagee ประมาณ 97% อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่)
ส่วนผลประกอบการ พบว่า บริษัทมีรายได้มากถึง 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 และมีเป้าหมายด้วยว่า จะขยายร้านออกไปมากถึง 100 ประเทศ โดยจะนำไปสู่การจ้างงาน 300,000 ตำแหน่งทั่วโลก และขายชาชงสดให้ได้มากถึง 15,000 ล้านถ้วยต่อปี
ชา ตลาดที่มีศักยภาพมหาศาล
ความสำเร็จของจาง จุนเจี๋ย ยังตอกย้ำถึงกระแสความนิยมของร้านชาชงสดในจีนแผ่นดินใหญ่ว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมหาศาล และก่อนหน้านี้ได้เคยสร้างมหาเศรษฐีใหม่ให้เกิดขึ้นได้มากมาย เช่น สองพี่น้องผู้อยู่เบื้องหลัง Mixue Group (Mixue เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อต้นปี 2568)
ไม่เพียงเท่านั้น การเลือกไป IPO ในตลาดสหรัฐอเมริกาของ Chagee ยังถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เนื่องจากตลาดจีน (และฮ่องกง) นั้นกลายเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันสูงไปเสียแล้ว โดยคุณเซิน เหมิง กรรมการของธนาคารเพื่อการลงทุน Chanson & Co ได้วิเคราะห์ถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ว่า ร้านชาไข่มุกหลายแห่งประสบปัญหาหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มระมัดระวังกับการลงทุนในตลาดที่เริ่มอิ่มตัวนั่นเอง
จุดต่าง Chagee เน้นความพรีเมียม หรูหราแต่เข้าถึงได้
สิ่งที่ทำให้ Chagee แตกต่างจากแบรนด์ชา – ชาไข่มุกทั่วไปคือการเป็น “ชานมระดับพรีเมียม” ที่ผลิตจากนมสด และใช้วัตถุดิบแบบจีนดั้งเดิม เช่น ชาเขียว ชาดำ และชาอู่หลง โดยจาง จุนเจี๋ยเคยกล่าวในเวทีสัมมนาว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะนำเสนอวิธีการชงชาแบบโบราณที่สืบทอดมายาวนานถึง 900 ปี มาผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่
ไม่เพียงเท่านั้น ร้านค้าของ Chagee ยังออกแบบให้มีบรรยากาศที่สื่อถึงความหรูหรา และแตกต่างจากร้านเครื่องดื่มทั่วไป ขณะที่ตั้งราคาขายเฉลี่ยเพียง 2 เหรียญสหรัฐ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย
นอกจากนั้น Chagee ยังปรับตัวเข้ากับเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และเริ่มหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชาไข่มุกที่มีแคลอรี่สูงด้วย
สำหรับชื่อบริษัท “Chagee” มีที่มาจากบทละครโศกนาฏกรรมคลาสสิกของจีนเรื่อง “Farewell My Concubine” (霸王别姬) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างกษัตริย์นักรบและนางสนม (ฌ่อป้าอ๋อง และสนมหวี่) ในขณะที่โลโก้ของบริษัทเป็นรูป “ฮวาตัน” (花旦) ซึ่งเป็นบทบาทนักแสดงหญิงในงิ้วปักกิ่ง สะท้อนถึงความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม
ปัจจุบัน Chagee มีร้านสาขากว่า 6,440 แห่ง โดยส่วนใหญ่อยู่ในจีน และมีสาขาในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย โดยมีร้านค้าประมาณ 6,270 แห่งเป็นแฟรนไชส์ และ 169 แห่งเป็นของบริษัทเอง
ข้อมูลจาก iResearch คาดการณ์ว่า ตลาดเครื่องดื่มชาสดของจีน จะเติบโตจนมีมูลค่าแตะ 426,000 ล้านหยวน (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028 จากที่เคยมีมูลค่า 273,000 ล้านหยวนในปี 2024
หากมองในแง่ดี ความสำเร็จในการ IPO ของ Chagee ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพของตลาดเครื่องดื่มชาสดในจีน และความสามารถของผู้ประกอบการรุ่นใหม่เช่น จาง จุนเจี๋ย ที่สามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและก้าวสู่เวทีระดับโลกได้สำเร็จ เรื่องราวของ Chagee จึงอาจเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดก็เป็นได้
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE